ทุกวันนี้ผู้หญิงอย่างเราหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ออกกำลังกายกันมากขึ้น รวมถึงกินของที่มีประโยชน์ เช่นผักผลไม้ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าพืชผลทางการเกษตรเหล่านี้มักจะใช้สารเคมีในการผลิต ที่เป็นพิษกับร่างกายมนุษย์ วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการล้างทำความสะอาดผักให้สะอาดที่สุดกันค่ะ
1. ล้างผักด้วยน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต
วิธีนี้เราจะใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 20 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ในน้ำประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าสองรอบ จะช่วยลดสารพิษได้ 90 ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ทำให้วิตามินเอหายไปเล็กน้อย
2. แช่ผักในน้ำผสมน้ำส้มสายชู
เราจะต้องใช้น้ำส้มสายชูความเข้มข้น 0.5 เปอร์เซ็นต์ผสมน้ำ 4 ลิตรแล้วแช่ผักไว้ 15 นาทีจะช่วยลดสารเคมีและยาฆ่าแมลงจากผักลงได้ 60 ถึง 85 เปอร์เซ็นต์
3. แช่ผักในน้ำยาล้างผัก
ใช้น้ำยาล้างผักความเข้มข้น 0.3 % ผสมกับน้ำเปล่า 4 ลิตร แช่ผักผลไม้ 15 นาที จะช่วยลดปริมาณสารพิษได้ 54 ถึง 68 เปอร์เซ็นต์ แต่วิธีนี้ไม่แนะนำให้ใช้เพราะน้ำยาล้างผักจะซึมเข้าไปในผักและอาจเป็นอันตราย
4. ล้างผักโดยให้น้ำไหลผ่าน
เด็ดผักออกมาเป็นใบๆแล้วเปิดน้ำแรงๆให้น้ำไหลผ่านไปเรื่อยๆนาน 2 นาทีก็จะช่วยกำจัดยาฆ่าแมลงในผักลงได้ 60 เปอร์เซ็นต์ค่ะ
5. การแช่ผักในน้ำสะอาด
ก่อนจะแช่ผักเราควรล้างสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ เช่น เศษผัก หรือหญ้าที่ติดมา ออกจากผักก่อน เด็ดผักออกแล้วค่อยแช่ในน้ำประมาณ 15 นาที วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษและยาฆ่าแมลงลงได้ 7-33%
6. การลวกผักด้วยน้ำร้อน
วิธีนี้จะช่วยให้สารพิษลดลงไปได้ 50% ส่วนอีกครึ่งหนึ่งจะอยู่ในน้ำที่เราใช้ต้ม
7. การดึงผิวชั้นนอกหรือเปลือกนอกออก
ผักเช่นกะหล่ำปลี เราควรเด็ดใบนอกของกะหล่ำปลีออก เพราะจะเป็นใบที่สัมผัสกับสารพิษจากยาฆ่าแมลงเยอะที่สุดค่ะ
8. ใช้ผงปูนคลอรีน
ละลายผงปูนคลอรีนครึ่งช้อนชาผสมกับน้ำ 1 ลิตรแช่ผักนานถึง 30 นาทีจะฆ่าเชื้อโรคได้ดีมาก
ต่อไปก็เป็นการเก็บรักษาผัก เพื่อรักษาคุณค่าทางอาหารของผักไว้ให้ได้มากที่สุด เราจึงต้องเก็บมันอย่างถูกวิธีค่ะ
1. เก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิ 2 องศาเซลเซียสมีความชื้นระหว่าง 80 – 90 เปอร์เซ็นต์ ใส่ไว้ในถุงพลาสติกหรือภาชนะพลาสติกอย่าใส่ไว้จนแน่นเกินไปเพราะจะทำให้ผักช้ำได้
2. ของที่ต้องเก็บไว้นอกตู้เย็น เช่น หัวหอม กระเทียมควรเก็บไว้ในที่สูงจากพื้นพอสมควร ใส่ตะกร้าหรือภาชนะที่อากาศถ่ายเทได้สะดวกอยู่ห่างความชื้นจะทำให้เกิดเชื้อราได้ค่ะ
เป็นความรู้ที่น่าสนใจทีเดียวใช่ไหมคะ อย่าลืมเอาไปใช้หรือแบ่งให้เพื่อนๆอ่านด้วยนะ
เรียบเรียงโดย The Canary Bird
ที่มา mthai