อาชีพพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหรือแอร์โฮสเตส เป็นอาชีพในฝันของสาวไทยหลายๆคน เพราะกว่าจะเป็นได้นั้นต้องผ่านด่านที่แสนหฤโหดมากมาย ตั้งแต่หน้าตา เสื้อผ้าหน้าผม และบุคลิกภาพ รวมถึงความสามารถทางภาษาและทักษะพิเศษอื่นๆอีกมากมาย กว่าจะได้เป็นนางฟ้าบนเครื่องบินอย่างที่เราเห็นๆกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่สาวๆอาจจะมองข้ามไป นั่นก็คือ เรื่องความเครียดจากการทำงานค่ะ เพราะอาชีพลูกเรือนั้นก็คืองานบริการอย่างหนึ่ง ต้องเจอกับผู้โดยสารต่างพ่อต่างแม่ ต่างความต้องการ ก็ย่อมเกิดความเครียดจากการทำงาน แต่ด้วยความเป้นมืออาชีพ พวกเขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้ค่ะ มาดูกันว่า 10 ข้อที่สาวๆแอร์โฮสเตสพบเจอ แต่ไม่เคยเล่าให้คุณฟังมีอะไรกันบ้าง
1.เราไม่ได้ออกคำสั่งเพื่อให้คุณเคารพพวกเรา
การพาผู้โดยสารไปถึงยังที่หมายโดยปลอดภัยคือหน้าที่อันดับแรกของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เมื่อเราเป็นผู้โดยสาร คุณอาจจะคิดว่ากฎเหล่านี้ช่างน่ารำคาญ โดยที่คุณไม่ได้คำนึงถึงความสำคัญหรือเบื้องหลังของการออกกฎเลยว่า พวกเขาทำก็เพื่อให้คุณปลอดภัยนั่นเอง! ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของคุณ หันมาเคารพกฎกันเถอะค่ะ!!
2.เราก็เบื่อไฟล์ทล่าช้าไม่ต่างจากคุณ
การนั่งอยู่ท่ามกลางผู้โดยสารที่หงุดหงิดจากการล่าช้าของไฟล์ทบินก็ไม่ได้เป็นเรื่องสนุกสำหรับเหล่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเลย ‘เพราะเรามาทำงานก่อนที่คุณจะมาขึ้นเครื่องซะอีก นั่นหมายถึงเราได้นั่งอยู่ตรงนี้นานกว่าคุณ’ คิดดูว่าคุณเพิ่งมาเมื่อกี้ยังเบื่อและเหนื่อยขนาดนี้ แล้วพวกเขาละจะเบื่อและเหนื่อยขนาดไหน!
3.ให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน
แต่ละสายการบินอนุญาตให้คุณน้ำกระเป๋าถือขึ้นเครื่องได้ แต่คุณควรคิดถึงใจเขาใจเรา ด้วยการนำสัมภาระไปเก็บที่ช่องเหนือศีรษะให้เรียบร้อย ไม่วางเกะกะทางเดิน และเอื้อเฟื้อช่องเก็บสัมภาระแก่ผู้โดยสารท่านอื่นด้วย
4.เครื่องบินมีหน้าที่ขนส่ง ไม่ใช่ร้านอาหารบนฟ้า!
แน่นอนว่าอาหารบนเครื่องบินมักจะไม่ค่อยอร่อย แถมราคายังแพงหูฉีกอีกต่างหาก แต่คุณอย่าลืมนะคะว่า เครื่องบิน คือยานพาหนะ ใช้เดินทาง ขนส่ง ไม่ใช่ 7-Eleven จะได้มีของทุกสิ่งที่คุณต้องการและราคาเหมือนตามท้องตลาดภาคพื้นดินนะจ๊ะ
5.พูดเพราะๆกับพวกเราด้วยค่ะ!
แน่นอนว่า แอร์โฮสเตสก็คืออาชีพบริการอาชีพหนึ่ง แต่พวกเขาไม่ใช่คนใช้! ดังนั้นหากคุณต้องการอะไร หรือหากพวกเขาทำให้อะไรให้ เพียงแค่กล่าว ‘ได้โปรด’ หรือ ‘ขอบคุณ’ ก็เป้นการให้กำลังใจแก่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินแล้วหละค่ะ แถมยังเป็นการแสดงมารยาทในสังคมอีกด้วย
6.เครื่องบินนะจ๊ะ ไม่ใช่ไนท์คลับ..อย่าเมาปลิ้นที่ความสูง 35,000 ฟีต
ผู้โดยสารบางคนลืมตระหนักไปว่าพวกเขาอยู่บนยานพาหนะที่สูงจากพื้นดินถึง 35,000 ฟีต และต้องการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักเพื่อแก้เบื่อกับการนั่งไฟล์ทยาวๆ ดังนั้นหากคุณขอเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มันจะเป็นเครื่องดื่มที่ผ่านการผสมกับน้ำ หรือทำให้เจือจางมากที่สุด เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมสถานการณ์ ดีไม่ดีพวกเขาอาจจะแค่เอาปากแก้วจุ่มวอดก้าให้คุณสัมผัสรสและกลิ่นแค่นั้นก็เป็นได้
7.เราเทรนหนักเพื่อความปลอดภัยของพวกคุณ
การให้บริการเครื่องดื่มเหล่านั้นไม่ได้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เรามาอยู่บนเครื่องบินใช่ไหมคะ เพราะเราต้องการจะเดินทางไปอีกที่หนึ่ง ไม่ได้ต้องการมาไนท์คลับเสียหน่อย จะทำอะไรคิดถึงใจเขาใจเราด้วย แต่อย่างไรก็ตามพนักงานต้อนรับด้รับการเทรนเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน เพื่อรักษาและตรวจสอบความปลอดภัยของคุณในกรณีฉุกเฉินแล้ว พวกเขาผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดรวมทั้งการฝึกอบรมการแพทย์ฉุกเฉินและการฝึกอบรมการทำ CPR และการอพยพผู้โดยสาร ซึ่งพวกเขากล่าวว่า กัปตันไม่ได้มีตาหลัง และไม่สามารถมาช่วยเหลือใดๆได้ ดังนั้นแอร์โฮสเตสจึงเปรียบเสมือนตาและหูของกัปตัน จึงต้องรอบคอบในการจ่ายเครื่องดื่มและรักษาความปลอดภัยของผู้โดยสารอย่างมาก
8.พวกเราสนิทกันมาก!
แม้ว่าแอร์โฮสเตสจะทำงานบนไฟล์ทที่ยาวนาน และเปลี่ยนกลุ่มทำงานตลอดแต่พวกเขาก็สนิทกันได้ง่ายๆ แม้ว่าจะเพิ่งพบเจอกันแค่ 1 นาทีก็ตาม อาจเป็นเพราะพวกเขามีประสบการณ์ที่คล้ายกัน ทำให้คุยกันลื่นไหล เม้าได้น้ำไหลไฟดับเลยละค่ะคุณขา
9.อย่าเข้าห้องน้ำตอนกัปตันประกาศว่า “fasten seatbelt”
เหล่าพนักงานบนเครื่องบินต่างต้องเคยประสบปัญหาผู้โดยสารลุกออกจากที่นั่ง ไปเข้าห้องน้ำ หรือแม้แต่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยตอนกัปตันส่งสัญญาณเตือนระหว่างเปลี่ยนระดับความสูง โดยบางคนอาจจะรำคาญ และมองว่ามันไม่เป้นปัญหาใหญ่ แต่คุณรู้ไหมคะว่ากัปตันจะไม่สามารถเปลี่ยนระดับได้ ถ้าผู้โดยสารไม่นั่งอยู่กับที่และรัดเข็มขัด เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารเอง เขาจะดับเครื่องแล้วบินอยู่กับที่จนกว่าคุณจะกลับมานั่งที่ของคุณ ซึ่งนั่นหมายถึงคุณได้กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวไปโดยปริยายเลยหละค่ะ เพราะมันทำให้เครื่องบินหลุดจากเส้นทางและเวลาบินเดิมนั่นเอง ทางที่ดีเข้าห้องน้ำมาให้เรียบร้อย หรืออดทนอีกหน่อยไปเข้าบนภาคพื้นดีกว่านะคะ
10.เสียงของคุณมีค่าเสมอ
พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินย่อมอยากได้ยินข้อชี้แนะและคำติชมเพื่อนำมาปรับปรุงการให้บริการของพวกเขา และก่อนที่พวกเขาจะเริ่มงานในแต่ละไฟล์ทจึงต้องมีการประชุมเกี่ยวกับผู้โดยสารด้วย ดังนั้นเมื่อเขารู้จักปัญหาจากผู้โดยสารมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งเรียนรู้และมีประสบการณ์จากการทำงานได้มากเท่านั้นค่ะ
รู้แล้ว อย่าลืมเอาใจเขามาใส่ใจเรานะคะ เดินทางครั้งหน้าจะได้ยิ้มหวาน ชื่นใจทั้งพนักงานและผู้โดยสารเนอะ ^^
ที่มา cosmopolitan
ขอบคุณภาพเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ต
แปลและเรียบเรียงโดย Sojinna