ในสังคมไทยของเรายังมีค่านิยมเกี่ยวกับคนที่มีรอยสักอย่างไม่ค่อยดีนัก เพราะคนส่วนใหญ่มีความเชื่อแบบผิดๆว่าคนที่มีรอยสักคือคนไม่ดี และคนที่มีรอยสักนอกร่มผ้าก็อาจจะมีปัญหาในการสมัครงานกันอีกด้วย แถมเดินบนถนนอยู่ก็อาจจะดูมองแบบไม่ค่อยดีอีกด้วย เป็นการกระทำที่แย่จริงๆเลยนะคะ u___u”
ยิ่งไปกว่านั้นรอยสักนั้นจะอยู่กับเราไปตลอดไปอีกด้วย เพราะฉะนั้นการสักอาจจะต้องผ่านกระบวนการคิดให้รอบคอบก่อนสักจริงๆ และด้วยความที่รอยสักจะอยู่กับเราตลอดไปนั้น ก็เลยมีคนเอาจุดเด่นในข้อนี้ของการสักมาใช้กับ ‘การสักบนใบหน้า’ ค่ะ!! แปลกใจกันใช่มั๊ยล่ะคะ ว่าจะสักกันอย่างไร จะมีรอยแบบไหนบนใบหน้า?! มาดูคลิปวิดิโอกันก่อนเลยดีกว่าค่ะ!!
จากในคลิปวิดิโอนั้น เราจะเห็นได้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการสักทางการแพทย์หรือ Para-medical Tattoo Specialist ชื่อว่า Basma Hameed ได้นำการสักมาใช้ในทางการแพทย์ค่ะ เหตุเนื่องมาจากในตอนเด็กนั้นเธอเคยประสบอุบัติเหตุน้ำร้อนลวก จากนั้นเธอเลยเริ่มศึกษาและปรับใช้การสักบนใบหน้าและลำตัวในสีที่เทียบเท่ากับสีผิวธรรมชาติเพื่อรักษาผู้ป่วยที่เคยประสบอุบัติเหตุคล้ายๆกับเธอค่ะ
ซึ่งแน่นอนว่าทุกๆคนที่ผ่านการสักเพื่อรักษาแผลเป็นจากอุบัติเหตุนั้นก็รู้สึกมั่นใจในตัวเอง และสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างมีความสุข อย่างสาวในวิดิโอคนแรกนี้เป็นเหยื่อจากการกลั่นแกล้งโดยเพื่อนร่วมห้องที่โรงเรียนค่ะ เธอโดนรุมทำร้าย และโดนน้ำร้อนสาดเข้า จึงทำให้เกิดเป็นแผลเป็นที่กวนใจเธอมาตลอด แต่พอเธอเจอคุณ Hameed เธอก็ได้รับการรักษาและรู้สึกดียิ่งขึ้นค่ะ
การสักเป็นการเพิ่มความมั่นใจอย่างหนึ่งให้กับผู้ถูกสัก และมันไม่ได้เป็นตัวกำหนดคุณค่าของใครๆเลย ดังนั้นแล้วเราจึงไม่ควรไปเหมารวมว่าผู้ที่มีรอยสักนั้นเป็นคนไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ เพราะนั่นเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้องเลย!! ถ้าใครมีแผลเป็นจากอุบัติเหตุแล้วอยากจะสักใบหน้าเพื่อเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจตัวเองก็สามารถติดต่อคุณ Basma Hameed ได้เลยนะคะ!!
แปลและเรียบเรียงโดย raraROBYN
ที่มา postjung