ความสะอาดถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดกับร่างกายประการหนึ่ง เพราะความสะอาดนอกจากจะทำให้สาวๆรู้สึกดีกับตัวเองสุดๆแล้ว ยังทำให้ภาพที่คนอื่นมองมาที่ตัวเรานั้นดีขึ้นอีกด้วย!! วันนี้ Girlsallaround.com ก็เลยจะมาพูดถึงการทำความสะอาดจุดที่ถูกมองข้ามมากที่สุด นั่นก็คือ ‘รูสะดือ’ ค่ะ!! หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าจะต้องทำความสะอาดสะดือยังไงให้ไม่รู้สึกหวาดเสียวหรือจักจี้ เราก็เลยจะมาคลายความสงสัยข้อนี้ให้ได้รู้กันแล้วค่ะ
รูสะดือของเราไม่ได้มีระบบทำความสะอาดเป็นของตัวเองเหมือนอวัยวะอื่นๆ ทำให้ภายในรูสะดือนั้นเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ความสกปรก เหงื่อ สบู่ โลชั่น และขุยผ้า ซึ่งถ้าหากเราไม่หมั่นทำความสะอาดมัน รับรองว่าความสกปรกทั้งหลายนั้นย่อมถูกหมักหมมอยู่ในนั้นและไม่หายไปไหนแน่นอน
ถ้าหากสาวๆไม่หมั่นทำความรูสะดือให้เหมือนส่วนอื่นๆของร่ายกาย อาจจะทำให้ผิวบริเวณนั้นมีกลิ่นและมีการติดเชื้อโดยแบคทีเรียที่มีสีขาวและแข็งเหมือนหิน ซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบและเป็นแผล ตามมาด้วยอาการแดง คัน และลอกเป็นขุย และจะร้ายแรงยิ่งขึ้นถ้าหากสาวๆมีรอยเจาะบริเวณนั้น
และถึงแม้ว่าบางคนจะมีสะดือจุ่น แต่อย่าคิดเลยนะคะ ว่าจะไม่มีการหมักหมมเชื้อโรค เพราะโดยทั่วไปแล้วรูสะดือของเราจะเต็มไปด้วยแบคทีเรียถึง 67 สายพันธ์ ยี๋!! เยอะขนาดนี้ต้องหมั่นดูแลแล้วล่ะ!!
แล้วเราจะทำความสะอาดรูสะดือยังไงเพื่อไม่ให้เกิดความน่าอายเมื่อต้องพบแพทย์หรือเมื่อแฟนหนุ่มมาจูบ มาเล้าโลมที่หน้าท้องล่ะ?? วิธีง่ายๆก็คือให้ทำความสะอาดด้วยสบู่เมื่ออาบน้ำค่ะ การอาบน้ำจะช่วยเอาเชื้อโรค ขุยผ้า และอื่นๆออกไป แต่ถ้าต้องการทำความสะอาดให้ล้ำลึก ให้ใช้สำลีก้านจุ่มน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์เช็ดๆเอาแทน
หรือถ้าหากสาวๆคนมีสะดือจุ่น ไม่ว่าจะเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ หรือเป็นเมื่อคลอดลูก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่เช็ดเอาก็ได้ค่ะ
ถ้าหากสะดือของสาวๆเกินเยียวยา ไม่ว่าจะการไม่สามารถทำความสะอาดกลิ่นหรืออาการติดเชื้อได้ ให้สาวๆเข้าพบแพทย์ผิวหนังเลยนะคะ เพราะแพทย์จะสามารถช่วยทำความสะอาดโดยใช้เครื่องมือที่เหมาะสมให้ได้ อย่าไปอายเลยนะคะ ^____^”
จะเห็นได้ว่าแม้แต่จุดเล็กๆในร่างกายอย่างสะดือก็ต้องการการดูแลและทำความสะอาดไม่แพ้ส่วนอื่นๆในร่างกายเลยนะคะ และสาวๆก็คงจะได้ทราบกันแล้วว่าถ้าหากไม่ทำความสะอาดสะดือให้ถูกต้องแล้วล่ะก็ อาจจะทำให้เกิดเป็นความเจ็บป่วยด้วยก็เป็นได้!! ยังไงถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นกับตัวเอง ก็อย่าลืมทำความสะอาดสะดือกันด้วยนะคะ!!
แปลและเรียบเรียงโดย raraROBYN
ที่มา womenshealthmag
