เมื่อสาว ๆ ได้เข้ารับการทำศัลยกรรมจนได้ใบหน้าที่สวยเป๊ะอย่างที่ใจต้องการแล้ว สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือยาทาแผลเป็นหลังศัลยกรรม ที่จะช่วยป้องกันการเกิดรอยแปลเป็นหลังศัลยกรรม ทำให้สาว ๆ มีผิวหน้าที่เนียนสวย ซึ่งหากใครที่กำลังมองหาว่ายาทาแผลเป็นตัวไหนดี วันนี้เราก็ได้คัดยี่ห้อที่ผ่านการการันตีมาแล้วว่าดีจริง! รวบรวมมาให้เลือกซื้อกันอย่างสะดวก ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลยว่าจะมียาทาแผลเป็นยี่ห้อไหนที่น่าสนใจบ้าง
แนะนำยาทาแผลเป็นหลังศัลยกรรม ช่วยให้ผิวสวยเนียน
1. บีเพนเธน เฟิร์สเอ ครีม ครีมฆ่าเชื้อและสมานผิว
เริ่มต้นกันที่ตัวแรกที่เราอยากแนะนำ นั่นก็คือยาทาแผลเป็นหลังศัลยกรรมจากบีแพนเธนนั่นเอง จุดเด่นก็คือมาพร้อมตัวยาที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อพร้อมทั้งช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดที่ผิวหนัง เรียกได้ว่าในหนึ่งเดียวทำงานพร้อมกันทั้งการทำลายเชื้อแบคทีเรียที่บริเวณบาดแผล ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแทรกซ้อน ตามด้วยการสมานแผลตามธรรมชาติให้ผิวดูเรียบเนียน ตอบโจทย์การรักษารอยแผลเป็นหลังการทำศัลยกรรมเป็นอย่างมาก
2. Provamed Scar Silicone
มาต่อกันที่อีกหนึ่งยาทาแผลเป็นหลังศัลยกรรมที่ใช้ได้ผลีไม่แพ้กัน จุดเด่นก็คือมาพร้อมส่วนผสมทีสกัดจากโปรตีนจากพืช ซึ่งโปรตีนชนิดนี้เป็นโปรตีนที่มีความใกล้เคียงกับโปรตีนในเซลล์ผิวของเรา เมื่อทายาลงไปแล้วจึงช่วยสมานผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้รอยแผลเป็นนุ่มลงและดูเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับแผลไฟไหม้และแผลน้ำร้อนลวกได้อีกด้วย แต่ข้อควรระวังก็คือ ห้ามใช้กับแผลสดเด็ดขาด ควรใช้กับแผลหลังผ่าตัดที่แห้งสนิทแล้วเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
3. Puricas Plus Advanced Dragon’s Blood Scar Gel
อีกหนึ่งยาทาแผลเป็นหลังศัลยกรรมตัวดังที่หลายคนคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะหลายคนอาจเคยนำมาใช้ในการรักษารอยแผลเป็นจากสิวกันมาก่อน แน่นอนว่าสามารถนำมาใช้ได้กับแผลสดหรือแผลหลังผ่าตัดด้วยเช่นกัน โดดเด่นด้วยสารสกัดที่เข้มเข้น ช่วยให้รอยแผลเป็นดูจางและเรียบเนียน สามารถใช้ได้กับแผลทุกส่วนบนใบหน้า เป็นอีกหนึ่งยาสารพัดประโยชน์ที่ควรมีไว้ติดบ้าน!
4. Dermatix Ultra
ปิดท้ายด้วยยาทาแผลเป็นหลังศัลยกรรมตัวดังที่หลายคนน่าจะเคยใช้กันมาบ้างแล้ว ซึ่งจุดเด่นก็คือส่วนผสมอย่างวิตามินซีที่จะช่วยปรับสีรอยแผลเป็นให้ดูกระจ่างใสและดูจางลง ทั้งยังมพร้อมส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน พร้อมมอบความชุ่มชื้น ทำให้รอยแผลเป็นดูนุ่มขึ้นและทำให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น แต่แน่นอนว่าห้ามนำไปใช้กับแผลสดโดยเด็ดขาด