ไอเท็มเด็ดของผู้หญิงแต่ละยุค ถ้าไอเท็มตัวเด็ดที่ผู้หญิงสมัยนี้ ยังไง้ยังไงก็ขาดไม่ได้คือลิปสติก ที่ผู้หญิงแทบทุกคนหรือร้อยละ99.9 ต้องมีลิปสติกมากกว่า1แท่ง สีนึงต้องมีมากกว่า3เฉด ไม่ว่าจะ ชมพู ชมพูนู้ด ชมพูกะปิ โอ๊ยยเยอะะะะจะออกจากบ้านไปนู้นไปนี้ก็ต้องพกติดกระเป๋าตลอดเวลาถือคติที่ว่า ปากไม่แดงไม่มีแรงเดิน แล้วทีนี้ สาวๆรู้มั๊ยว่าผู้หญิงในยุคก่อนๆพวกเธอก็มีไอเท็มเด็ดประจำตัวของพวกเธอเหมือนกัน แต่จะเป็นอะไรนั้นไปดู
ยุคอียิปต์โบราณ
ไอเท็มเด็ดของพวกเธอคือน้ำหอม ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นจริงๆ ของน้ำหอมในสมัยนั้นจะใช้สำหรับการรักษาโรคและนำมาประพรมเครื่องหอมสำหรับบูชาเทพเจ้าก็เหอะ แต่เหมือนว่าพอสาวๆ ได้กลิ่นหอมๆเข้าก็เริ่มอดใจไม่ไหว ก็มันหอมนี่หน่า ทีนี้พวกเธอก็เลยแอบจิ๊กมาแตะนิดแตะหน่อยตามร่างกาย ไปๆมาาๆจนกลายเป็นไอเท็มฮิตไปโดยปริยาย
ยุคอียิปต์โบราณ
ยุคกรีกโบราณ
ผู้หญิงยุคกรีกโบราณ ที่เกิดมามีผมดำขลับ แต่อย่างว่าขนาดเราเองยังอยากเปลี่ยนสีผมบ่อยๆเลย นับประสาอะไรกับสาวๆกรีกที่อยากเปลี่ยนสีผมของตัวเองให้เริศบ้าง พวกเธอจึงพยายามสร้างยาย้อมผมขึ้นเอง!! โอ้จีเนียสซะไม่มี โดยใช้สารหนูกัดสีผมให้อ่อนลงส่วนเวลาสระผมก็จะใช้ขี้เถ้า น้ำมันมะกอกและน้ำเปล่าล้างสารพิษออก
ยุคเรอเนซองส์
ผู้หญิงสมัยเรอเนซองส์ เป็นยุคสมัยที่ถือว่า beauty is everything โดยคนสมัยนั้นจะแต่งตัวจัดจ้านมาก เรียกได้ว่าประโคมเครื่องสำอางเครื่องเพชรกันแบบไม่มีกั๊กประหนึ่งว่าหลังบ้านมีเหมืองเพชร ส่วนคนที่จนหน่อยที่ไม่มีเงินซื้อของแพงมาใช้ ก็ยังคงถือคติความสวยคือทุกสิ่ง พวกเธอมีวิธีเพิ่มความสวยด้วยการใช้ผงชาดผสมกับขี้ผึ้งหรือไขมันจากสัตว์แล้วเอามาทาปาก ทาแก้ม เพื่อให้ได้แก้มและริมฝีปากแดงเปล่งปลั่ง
ยุคเรอเนซองส์
ยุคทองของสเปน
ผู้หญิงยุคทองของสเปน สาวๆเกิดมามีผิวคล้ำตามชาติพันธุ์ แต่พวกเธอนั้นอยากมีผิวขาวใสวิ้งค์คึแบบแหม่มอังกฤษ ก็เหมือนราที่เข้าคลินิกคความงามไปฉีดผิวแหละจ้า แต่ยุคนี้เขามีคนคิดค้นยาทำให้ขาวที่ทำจากดินเหนียวขึ้น!! แต่มันไม่ได้ทำให้ผิวขาวจริงๆคุณหลอกดาววว เพียงแต่มันเป็นดินเหนียวที่กินเข้าไปแล้วทำให้หนักท้องจนกินอาหารไม่ลง ประมาณว่าทำให้กินอะไรไม่ได้จนเริ่มขาดสารอาหารแล้วตัวก็จะซีดเซียวดูขาวไปเอง แบบนี้ก็ได้หรอ? แต่ผลจากความอยากขาววิ้งค์คึนี้เองทำให้มีผู้หญิงยุคนี้ต้องตายหลังจากกินยานี้ไปหลายคน
ยุคทองของสเปน
ยุคปลายศตวรรษที่ 18
เป็นยุคที่ต่อเนื่องมาจากสมัยเรอเนซองส์ ผู้คนยังบูชาความสวยเหนือสิ่งอื่นได้ จะสมองเด๋อด๋าแค่ไหนอย่างน้อยต้องสวยไว้ก่อน คุณหนูในวงสังคมชั้นสูงต่างก็เชื่อว่าผิวขาวเกลี้ยงเกลาดุจหินอ่อนคือ the best of beautiful เอาหล่ะทีนี้ทุกคนเลยพยายามทำตัวเองให้ขาวเนียนด้วยการพอกหน้าหนาเตอะด้วยแป้งที่ทำจากตะกั่วกับแป้งโรยตัว ที่นำบดละเอียดผสมกับขี้ผึ้งและไขมันปลาวาฬ แล้วกวนส่วนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกันแป้งที่ได้จะขาวจัดและเหนียวมาก นำมาทาแล้วติดกับหนังหน้าได้ทนทานเว่อร์
ยุคปลายศตวรรษที่ 18
ยุคปลายศตวรรษที่ 19
ไอเท็มเด็ดคือมาสคาร่า ใช่แล้วเพราะมาสคาร่าแบบเนื้อเค้กที่เราใช้กันทุกวันนี้ ถือกำเนิดขึ้นในยุคนี้นั้นเองด้วยสมองอันชาญฉลาดปรื้ดปร๊าดของ ยูจีน ริมเมล ช่างทำน้ำหอมชื่อดัง โดยนำเขม่าถ่านหินกับสบู่ก้อนเล็กมาผสมกันแล้วปั้นเป็นก้อนเล็กเท่าลูกเต๋า ซึ่งเวลาจะใช้ก็เอาแปรงเปียกๆ มาถูที่ก้อนมาสคาร่า ให้สีดำละลายติดแปรงออกมา
ยุคปลายศตวรรษที่ 19
เรื่องความสวยความงามไม่ว่าจะยุคสมัยไหนนี่ยอมกันไม่ได้จริงๆ แต่สาวๆอย่าลืมไปว่าความงามที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ใบหน้าหรือเครื่องสำอางค์ที่ใช้ แต่ความงามจริงๆอยู่ข้างในตัวเราต่างหาก
