เทรนด์รองเท้าผ้าใบมาแรงไม่มีตก แต่ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนระอุของบ้านเราก็ทำให้ปัญหากลิ่นเท้าเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน แต่มันคงน่าเกลียดมากๆ หากคุณเป็นสาวสวยหน้าใสที่มีกลิ่นเท้าแรงแบบสุด! อย่ามัวแต่เขินอาย ..วันนี้ Girlsallaround มีวิธีรักษามาฝากทุกคนกันค่ะ
สำหรับเท้า
1.แช่ในน้ำเค็ม
เกลือจะดึงความชื้นออกจากผิวของคุณ และลดปริมาณของเชื้อแบคทีเรียตามซอก โดยใช้อ่างน้ำขนาดใหญ่หรือชาม เทน้ำอุ่น และละลายเกลือให้มีความเข้มข้นครึ่งหนึ่งของน้ำหรือตามเหมาะสม แช่เท้าของคุณเป็นเวลา 20 นาที ทำเช่นนี้ทุกวันเป็นเวลาสองสัปดาห์
2.แช่ในน้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชู มันมีผลต่อการลดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เท้าแห้งขึ้น โดยผสมน้ำส้มสายชู 2/3 ของน้ำ แช่เท้าของคุณเป็นเวลา 30 นาที วันละครั้งเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
3.แช่เท้าในน้ำชา
กรดในชาจะช่วยปิดรูขุมขนบริเวณเท้า ทำให้เหงื่อที่เท้าลดลง แถมยังทำหน้าที่เป็นยาปฏิชีวนะตามธรรมชาติ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เท้าของคุณอีกด้วย วิธีการทำก็ง่ายๆ เพียงแค่ ใช้ชาดำ 2 ถุง ต้มในน้ำเดือด นาน 15 นาที 1 ไพน์ของน้ำและต้มเป็นเวลา 15 นาที เติมน้ำเย็น 2 ควอร์ต หรือ ปริมาณ 1 ใน 4 เทลงในอ่างหรือชามที่มีขนาดใหญ่ แช่เท้าของคุณเป็นเวลา 30 นาที ทำเช่นนี้วันละครั้ง เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
สำหรับรองเท้า
1.เลือกถุงเท้าที่เหมาะสม
สำหรับผู้ที่มีกลิ่นเท้าแนะนำให้ใช้ถุงเท้าที่ทำจากไนลอน มากกว่าผ้าฝ้าย เพื่อช่วยลดกลิ่นอับของเท้า แต่ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะเหงื่อออกมาก แนะนำให้พกถุงเท้าสองคู่แล้วเปลี่ยนระหว่างวันจะช่วยไม่ให้เท้าอับจนเกินไปค่ะ
2.ใช้สเปรย์ดับกลิ่น
การใส่รองเท้าคู่โปรดซ้ำกันทุกวันทำให้เกิดความอับชื้น ซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นอยู่แล้ว ยาฆ่าเชื้อแบบสเปรย์จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะกอบกู้รองเท้าของคุณให้หายจากกลิ่นเหม็นได้ เพราะมันมีเอทานอลและส่วนผสมอื่น ๆ ที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ โดยฉีดสเปรย์หลังจากซักรองเท้า หรือฉัดใส่ถุงเท้าแล้วนำไปใส่ไว้ในรองเท้า ทิ้งไว้ข้ามคืน กลิ่นเหล่านั้นก็จะถูกดูดมาอยู่ที่ถุงเท้าแทน
3.ใช้ผงแป้ง
ถ้าคุณหาซื้อผงกำจัดกลิ่นหรือสเปรย์ไม่ได้ ให้ใช้ของติดครัว เช่น แป้งข้าวโพดก็สามารถกำจัดกลิ่นจากรองเท้าของคุณได้เช่นกันค่ะ หรือจะใช้แป้งเด็กก็ได้
หากใครเป็นสาวกรองเท้าผ้าใบ แล้วเท้าเหม็น หรือใครใกล้ตัวที่เท้าเหม็นลองเอาไปใช้ เอาไปแนะนำดูนะคะ กลิ่นเท้าไม่ใช่เรื่องตลกนะคะ เพราะรักษาดีกว่าปล่อยให้อาการหนักจนเป็นที่รำคาญของคนอื่นดีกว่าเนอะ
ขอบคุณข้อมูลจาก menshealth
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
แปลและเรียบเรียง Evelyn