1. ห้ามบีบเด็ดขาด!
สาวๆ หลายคนมันจะเคยชินกับการบีบสิว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่สิวอักเสบขึ้นมา ไม่ว่าจะมีหัวหรือไม่มีก็ตาม ห้ามบีบ ห้ามแคะ แกะ เกา เด็ดขาด!! เพราะมันอาจจะยิ่งไปเพิ่มความอักเสบให้กับสิว คราวนี้เห่อไปจุดอื่นๆ บนใบหน้าไม่รู้ด้วยนะ
2. รักษาความสะอาด
พยายามรักษาความสะอาด ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อกำจัดความมันบนในหน้า หลังจากนั้นอาจจะเช็ดหน้าด้วยน้ำเกลือ หรือโทนเนอร์อีกครั้งก็ได้ แล้วก็เลี่ยงการแต่งหน้าบริเวณนั้นไปก่อน หากเรายิ่งไปแต่งหรือกด สิวอาจจะยิ่งอักเสบมากขึ้นไปอีก
3. ยารักษาสิวคือตัวช่วย
หลังจากล้างหน้าเรียบร้อยแล้ว ก็ทายารักษาสิว หากเป็นสิวที่ไม่มีหัว ก็ให้ใช้ยารักษาสิวสำหรับสิวไม่มีหัวโดยเฉพาะ ก็จะได้ผลการรักษาที่ดีกว่า แต่จงจำไว้อย่างหนึ่งว่า ยาที่ทาแล้วหายภายในข้ามคืนเลย ไม่มีค่า! ของแบบนี้ต้องใจเย็นๆ นะ
- กลุ่มทำความสะอาดผิว EFFACLAR PURIFYING FOAMING GEL เป็นโฟมล้างหน้าลดสิวอุดตันสูตรอ่อนโยนพิเศษที่ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียอันเป็นต้องเหตุของสิวอุดตัน สิวที่เกิดจากความมัน รวมถึงสิวอักเสบได้ เหมาะสำหรับผิวมันรวมถึงผิวระคายเคืองง่าย และสามารถใช้คู่กับการรักษาของแพทย์หรือยารักษาสิวต่าง ๆ ได้
EFFACLAR PURIFYING FOAMING GEL - กลุ่มครีมรักษาสิว EFFACLAR K [+] เป็นเจลฟลูอิด (ไม่มัน ซึมซาบเร็ว) บำรุงผิวพร้อมช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ดูเรียบเนียนสม่ำเสมอ (จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวอักเสบด้วย) ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ปัญหาสิวอุดตันซ้ำซาก พร้อมลดความมันส่วนเกินและควบคุมความชื้นบนใบหน้าได้นานถึง 8 ชั่วโมง
- กลุ่มครีมลดรอยสิว EFFACLAR DUO (+) เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ลดรอยดำรอยแดงจากสิว และยังมีคุณสมบัติเด่นคือ “การช่วยลดปัญหาสิวเกิดซ้ำ” เพราะมีการเพิ่มสารสำคัญตัวหนึ่งที่มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลของเชื้อแบคทีเรียบนผิวเข้าไป โดยสามารถเพิ่มเชื้อแบคทีเรียที่ดีมีประโยชน์ต่อผิว และลดเชื้อแบคทีเรียตัวร้ายที่ปัญหาของการเกิดสิวได้
เบนซอยเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide – BP) เมื่อเรารู้สาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบนั้นมาจากแบคทีเรีย P.acne เราก็แค่แก้ปัญหาโดยการกำจัดแบคทีเรียตัวนี้ออกไป ด้วยตัวยาบีพี (BP) เพราะตัวยาชนิดนี้สามารถฆ่าเชื้อพีแอกเน่ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวอักเสบได้
คลินดามัยซิน (Clindamycin) นอกจากบีพีแล้วยังมียาอีกตัวที่มักนำมาใช้กำจัดสิวอักเสบและก็ได้ผลดีเช่นกัน ซึ่งยาตัวนี้สามารถใช้ควบคู่กันกับบีพีได้ แถมยังทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย เพราะคลินดามัยซินนั้นมีฤทธิ์กำจัดโปรตีนอันเป็นอาหารของแบคทีเรีย จึงทำให้แบคทีเรียตายเรียบ แพร่ขยายพันธุ์ต่อไม่ได้ เพราะไม่มีอาหารไปหล่อเลี้ยง ถ้าเราใช้ร่วมกับยาบีพีก็จะสามารถช่วยกำจัดแบคทีเรียและลดการติดเชื้อได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
4. ปรึกษาคุณหมอเพื่อฉีดสิว
เป็นการฉีดโดยใช้ยาสเตียรอยด์ (Steroid) ซึ่งมีคุณสมบัติลดการอักเสบ โดยตัวยาที่นิยมนำมาใช้ในการฉีด คือ ยาไตรแอมซิโนโลน (Triamcinolone) นิยมใช้ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนหรือมีงานสำคัญ เช่น งานแต่งงาน งานรับปริญญา หรือดาราที่ต้องใช้ใบหน้าในการเข้าฉาก หรือมีสิวอักเสบเม็ดใหญ่เพียง 1-2 เม็ด แต่ไม่อยากทานยาหรือทานยาไม่ได้ เป็นต้น เพราะเมื่อฉีดแล้วสิวจะยุบตัวได้รวดเร็ว จึงช่วยลดการทานยา และลดโอกาสการเกิดแผลเป็นได้ แต่การฉีดยานั้นแพทย์จะต้องระวังในเรื่องของปริมาณยาที่ใช้ฉีด เพราะถ้าฉีดในปริมาณมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดผลแทรกซ้อน เช่น ผิวบุ๋มหรือยุบลงไป สาวๆ คนไหนมีแพลนจะไปงาน หรือต้องแต่งหน้าสวยเป็นพิเศษ แนะนำว่าให้ไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อรักษาด้วยการฉีดสิว ก็จะช่วยให้สิวยุบตัวเร็วยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียของการฉีดสิวนั้นก็คือ หัวสิวจะยังฝังอยู่ ทำให้เรามีโอกาสกลับมาเป็นอีกยังไงล่ะ แต่ถ้าไม่อยากฉีดสิว ก็ลองปรึกษากับคุณหมอดูว่ามีวิธีใดบ้างที่สามารถช่วยได้
5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ดูแลแค่ภายนอกก็คงไม่ได้ ของแบบนี้มันต้องดูแลภายในด้วย สาวๆ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันเยอะ อย่างพวกของมัน ของทอดทั้งหลาย พยายามทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ แล้วที่สำคัญอย่าเครียดค่ะ เพราะความเครียดก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สิวขึ้นได้เหมือนกัน
สิ่งสำคัญของการรักษาสิวที่สาวๆ ต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจเลยก็คือ มันใช้เวลานานค่อนข้างนาน สาวๆ ต้องใจเย็นๆ ห้ามบีบสิวโดยเด็ดขาด หากจะซื้อยารักษาสิวประเภทไหน ก็ต้องหารีวิวหรือปรึกษาเภสัชกรก่อน แล้วก็อย่าเผลอไปซื้อยารักษาสิวแบบเร่งด่วนมาใช้เชียวล่ะ เพราะมันอาจจะแฝงพวกสเตียรอยด์เอาไว้ก็ได้ คราวนี้งานช้างมากขึ้นไปอีกจะบอกให้…