แม้เราจะไม่มีสวิตช์ไฟเพื่อเปิดปิดแสงอาทิตย์ได้ตามใจเหมือนกับหลอดไฟในบ้าน แต่อย่างน้อยที่สุด เราก็สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB อันเป็นสาเหตุของปัญหาผิวหมองคล้ำที่มากับแสงแดดได้ด้วยการทาครีมกันแดด ว่าแต่ทุกคนเคยมีข้อสงสัยกันไหมว่าทั้งที่ตัวเองก็ใช้ครีมดังกล่าวเป็นประจำทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน แต่ทำไมเราถึงยังเจอกับปัญหาผิวหมองคล้ำอยู่ และเพื่อเป็นการตอบคำถามข้อนี้ เราเลยได้ลองรวบรวม 4 เรื่องราวน่ารู้ที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับครีมกันแดดกันให้มากขึ้น ส่วนรายละเอียดทั้งหมดจะเป็นยังไง ถ้าพร้อมแล้ว ไปหาคำตอบพร้อมกันด้านล่างนี้ได้เลย
SPF คืออะไร?
SPF (Sun Protection Factor) คือค่าที่ใช้เพื่อบ่งบอกว่าครีมกันแดดสามารถช่วยปกป้องผิวของเราก่อนจะเกิดอาการผิวไหม้ได้กี่นาที โดยปกติแล้วผิวที่ไม่ได้ทาครีมกันแดดจะสามารถทนต่อรังสี UVB ได้ราวๆ 5-30 นาทีจึงจะเริ่มไหม้ ซึ่งการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงจะช่วยยืดเวลาให้ผิวของเราสามารถทนต่อแดดได้นานขึ้น เช่น ปกติแล้วผิวของนาย A สามารถทนแดดได้ 15 นาที แต่ถ้าหากนาย A ทาครีมที่มีค่า SPF 15, 30 และ 60 นาย A ก็จะสามารถอยู่กลางแดดได้นานกว่าเดิมจาก 15 นาทีเป็น 150, 450 และ 900 นาทีตามลำดับ (คำนวณได้จากการนำค่า SPF มาคูณกับจำนวนนาทีที่ผิวสามารถทนต่อแสงแดดได้ก่อนเริ่มไหม้)
ยิ่ง SPF สูงยิ่งดีจริงไหม?
แม้ครีมที่มีค่า SPF สูงจะช่วยให้เราอยู่กลางแดดได้นานขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อลดปัญหาผิวระคายเคืองที่มักจะมาพร้อมกับการใช้ครีมที่มีค่า SPF สูง โดยรายละเอียดเบื้องต้นว่าด้วยการเลือกค่า SPF ให้เหมาะกับตัวเองมีทั้งหมด ดังนี้
SPF 15 – เหมาะกับคนที่ทำงานในร่ม
SPF มากกว่า 15 – เหมาะกับคนทำงานกลางแดดในระหว่างวัน
SPF มากกว่า 30 – เหมาะกับคนที่ต้องทำกิจกรรมกลางแดดจัดและกลุ่มที่ผิวไวต่อแดด
PA คืออะไร?
เวลาเลือกครีมกันแดดหลายคนมักจะมองไปที่ค่า SPF เป็นหลัก แต่จริงๆ แล้ว PA นั้นเป็นอีกหนึ่งค่าที่เราไม่อยากจะให้ทุกคนมองข้าม เนื่องจาก PA เป็นค่าที่บ่งบอกคุณสมบัติในการป้องกันรังสี UVA หรือรังสีที่สามารถทะลุผ่านกระจกเข้ามาในอาคาร และทำให้เกิดปัญหาผิวหนังย่นและจุดด่างดำได้ โดยในปัจจุบันเราสามารถแบ่งประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVA ของ PA จากต่ำไปสูงได้ ดังนี้ PA+, PA++, PA+++ และ PA++++
ครีมที่ดีต้องทนน้ำได้ด้วย
นอกจาก SPF และ PA แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันได้แก่คุณสมบัติในการกันน้ำ เพราะในระหว่างวัน เหงื่อคือตัวการสำคัญที่ทำให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดลดลง ดังนั้นหากเป็นไปได้เราจึงอยากให้ทุกคนลองมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติกันน้ำเพื่อให้ผิวของเราได้รับการปกป้องจากรังสี UVA และ UVB ได้แบบจัดเต็มในทุกกิจกรรมกลางแจ้งของเรา
และทั้งหมดก็คือรายละเอียดที่เราหยิบมาฝากกันวันนี้ ก่อนจากกันไปเราอยากจะบอกต่อเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้การใช้ครีมปกแป้งผิวหนังจากแสงแดดเห็นผลมากขึ้น เช่น การทาก่อนออกแดด 15-30 นาที, บีบครีมให้ได้ประมาณ 2 ข้อนิ้วสำหรับการทาบริเวณผิวหน้าและคอ และการทาซ้ำสองครั้งในช่วง เช้าและเที่ยง