หลายครั้งที่เรามักได้ยินว่าวิตามินซีเป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกาย ส่งผลต่อผิวพรรณจนมีหลายผลิตภัณฑ์นำไปเป็นวัตถุดิบสำคัญในการโฆษณาขายสินค้าว่าวิตามินซีช่วยลดรอยด่างดำ ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส เรียบเนียน ซึ่งจะเห็นได้ว่าในท้องตลาดตอนนี้มีวิตามินซีกินกับทา แล้วอันไหนขาวกว่ากัน ช่วยเรื่องผิวได้มากกว่ากันล่ะ ถ้าอยากรู้ มาหาคำตอบกันเลย
วิตามินซีคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
ก่อนที่จะไปหาคำตอบว่าวิตามินซีกินกับทา อันไหนขาวกว่ากัน เรามาทำความรู้จักกับวิตามินซีกันก่อนดีกว่า
วิตามินซี เป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำ โดยที่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้จึงจำเป็นต้องได้รับจากการกินหรือการทาเท่านั้น
ซึ่งวิตามินซีมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้เราไม่ป่วยง่าย เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับคลอเลสเตอรอล และวิตามิซียังช่วยในเรื่องความสวยงามเพราะวิตามินซีจะเป็นตัวกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของผิวพรรณ เสริมสร้างคอลลาเจน และต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวพรรณสวยสุขภาพดี ดูเรียบเนียน ทำให้ขาวขึ้นจุดด่างดำจางลง
วิตามินซีกินกับทา อันไหนขาวกว่ากัน?
มาถึงคำถามหลักที่คนสงสัยว่าวิตามินซีกินกับทา อันไหนขาวกว่ากัน เรามาบอกข้อดีของแต่ละอันกันก่อนดีกว่า
- วิตามินซีแบบทา ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของวิตามินซี ซี่งความเข้มข้นของวิตามินซีที่คาดหวังให้เห็นผลลัพธ์ได้คือ 5% – 20% แก็ไม่ได้หมายความว่าการมีความเข้มข้นมากกว่าจะดีกว่า เพราะหากใช้วิตามินซีที่มีความเข้มข้นมากกว่า 20% ก็อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวได้ โดยการที่วิตามินซี จะซึมซาบลงสู่ผิวได้ดี ต้องมีค่าพีเอช (pH) ค่อนข้างเป็นกรด (ประมาณ 3.5) แต่ก็อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวได้ ค่าที่อ่อนโยนกว่าผิวจะอยู่ที่ประมาณ 4.5 – 5.5 แต่ก็อาจจะให้ประสิทธิภาพน้อยกว่า จึงอาจต้องใช้เวลามากขึ้น
- วิตามินซีแบบกิน ตามปกติร่างกายคนเราควรได้วิตามินซีได้ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งการกินวิตามินซีสามารถเห็นมิลลิกรัมได้ชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์ว่าจะได้รับเท่าไร ทำให้เราสามารถรู้ได้เลยว่าร่างกายของเราได้รับวิตามินเพียงพอในวันนั้น ๆ หรือยัง ซึ่งก็มีข้อมูลระบุว่า ร่างกายดูดซึมวิตามินซีได้เพียง 50% เท่านั้น ซึ่งการดูดซึมวิตามินซีในร่างกายก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน
สำหรับคำถามที่ว่าวิตามินซีกินกับทา อันไหนขาวกว่ากัน หรืออันไหนที่เห็นผลมากกว่า ขอตอบว่าแต่ละแบบก็มีข้อดีต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าสะดวกแบบไหน หรือถ้าเป็นไปได้ การใช้ควบคู่กันไปก็อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
