มาส์กหน้าแบบผิดๆ มิน่าหล่ะทำไมถึงไม่เห็นผลซะที!! สวัสดีค่าสาวๆ Girls all aroundทุกคน ก่อนอื่นเลยแอดต้องขอถามคำถามหนึ่งข้อว่า สาวๆชอบมาส์กหน้ากันมั๊ยจ้ะ ??
สาวๆหลายๆคนคงรีบตอบทันทีว่าชอบบบบ การมาส์กหน้าเป็นกิจกรรมยอดฮิตของสาวๆเลยก็ว่าได้แล้วรู้มั๊ยคะว่าการมาส์กหน้าเนี่ยมีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว อู้วววเรื่องความสวยความงามต้องยอมให้สาวๆทุกยุคทุกสมัยเลยเนอะ โดยคนสมัยก่อนเนี่ยเริ่มจากการนำส่วนผสมธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้ และน้ำผึ้ง หรือสมุนไพร มาคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วเอามามาส์กหน้า
ซึ่งแตกต่างจากสมัยนี้ที่สะดวกสบายม๊ากมากกก เพียงแค่เดินย่างกรายเข้าร้านเครื่องสำอางค์ต่างๆหรือแม้แต่ใน7-11 ก็มีแผ่นมาส์กหลากหลายยี่ห้อหลากหลายสูตร ราคาแตกต่างกันออกไป ให้เลือกซื้อเยอะแยะละลานตาไปหมด นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงว่าทำไมสาวๆถึงเข้าร้านเครื่องสำอางค์กันน๊านนาน เห้อสวรรค์ของสาวนักช็อปจริงๆคู๊นนน
ข้อดีของการมาส์กหน้า
1.คืนความชุ่มชื้นให้ผิว
สาวๆหลายๆคนคงจะกำลังเจอกับปัญหาเหล่านี้อยู่ ทั้งเมคอัพไม่ติด รองพื้นตกร่อง ผิวลอกเป็นขุย กรี๊ดนึกว่าเป็นนาคี การมาส์กหน้าจะช่วยให้เติมความชุ่มชื้นเข้าไปในผิวได้มากขึ้น พร้อมกับบำรุงผิวได้ล้ำลึกกว่าเดิม ทำให้ผิวอิ่มน้ำขึ้นไม่แห้งแตก เวลาแต่งหน้าเครื่องสำอางค์ก็จะติดทนได้ดี
2.ปรับสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ
มาส์กช่วยให้ผลัดเซลล์ผิวเก่าออก เผยผิวใหม่ดูใสเปล่งประกาย และลดเม็ดสีผิวส่วนเกินที่คล้ำหรือที่เรียกว่าจุดด่างดำที่เป็นกันอยู่นั่นเอง โดยจะปรับผิวให้สม่ำเสมอกัน เมื่อมาส์กหน้าเป็นประจำแล้วผิวหน้าก็จะสว่างใสไม่มีจุดด่างดำนั้นเอง
3.รูขุมขนกระชับขึ้น
การมาส์กหน้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้รูขุมขนบนผิวหน้าสะอาด พร้อมช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว และยังช่วยลดปัญหาหน้ามันได้ด้วย เมื่อรูขุมขนบนใบหน้าสะอาด ปัญหาเป็นสิวผิวมันก็จะไม่มากวนใจแน่นอน
4.ทำให้ผิวกระชับขึ้น
เมื่อผิวแข็งแรงแล้วอะไรก็ดีไปหมด การมาส์กหน้าจะช่วยกระตุ้นผิว พร้อมกับเติมคอลลาเจนเข้าไปในผิวช่วยให้ผิวกระชับขึ้น เมื่อผิวมีคอลลาเจนมากพอใบหน้าก็จะนุ่มชุ่มชื้นขึ้นแค่สัมผัสก็รู้สึกได้
การเลือกมาส์กให้เหมาะกับทุกสภาพผิว
1.ผิวมัน มีสิว สิวเสี้ยน
ผิวที่เป็นสิวเกิดจากการอุดตันของไขมันบริเวณรูขุมขน ดังนั้นควรเลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของโคลนเบส ซึ่งจะช่วยสร้างสมดุลให้ผิวได้ดี เน้นมาส์คที่มีการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ มีส่วนประกอบของ AHA หรือ BHA หรือส่วนประกอบของพืชธรรมชาติ เช่น แตงกวา ชาเขียว สารสกัดชา
2.ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
สาวผิวแห้งควรเลือกมาส์กที่มีสารอาหารที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว อาทิน้ำผึ้ง น้ำมันหรือออยล์ ว่านหางจระเข้ ใบบัวบก สาหร่าย เมือกหอยทาก เพื่อให้ชุ่มชื่นและแน่นกระชับขึ้น
3.ผิวบอบบางแพ้ง่าย
ควรเลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของชาเขียว คาโมมายล์ ใบบัวบก วิชซ์ฮาเซล สาหร่าย ซึ่งแต่ละอย่างเนี่ยเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย
4.ผิวมีปัญหา ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหน้าไม่กระจ่างใส
ควรเลือกมาส์กที่มุ่งเน้นให้ผิวขาวใส ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ ซึ่งมาส์กเหล่านี้จะมีส่วนผสมของวิตามินซี โดยวิตามินซีจะมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ให้สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกลับมาเรียบเนียนกระจ่างใสเปล่งประกาย
5.ผิวมีริ้วรอย
สาวๆอายุ30+ ที่ริ้วรอยเริ่มจะชัด ควรเลือกมาส์กที่เสริมการทำงานของเซลล์ผิวให้แข็งแรง หรือมาส์กที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน ส่วนผสมสารบำรุงบริสุทธิ์จำพวก เปบไทด์ต่างๆ เพราะมีคุณสมบัติในการแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ผิวลึกได้ดี
เกริ่นมาซะยาว ความจริงที่วันนี้มาเล่าเรื่องมาส์กหน้าเนี่ย ก็เพราะว่ามีน้องนางคนนึงหน้านิ่วคิ้วขมวดมาถามคำถามว่า “พี่คะทำไมหนูมาส์กหน้าแทบทุกวันแต่ไม่เห็นหน้าจะดีขึ้นเลย” อ่า..เป็นคำถามที่..จะว่ายากก็ไม่ยาก จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย นี่ก็เลยถามย้อนกลับไปว่า “แล้วหนูมาส์กหน้าถูกวิธีรึเปล่า” ก่อนที่น้องนางหน้าจะนิ่วกว่าเดิมพร้อมถามเสียงอ่อยว่า “แค่มาส์กหน้ามีวิธีที่ถูกผิดด้วยหรอพี่…” นั่นไงว่าแล้ว(กุมขมับ)
5ข้อกับการมาส์กหน้าแบบผิดๆ
1.ไม่อ่านฉลากก่อน
เพราะมาส์กแต่ละชนิดหรือแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิว เรื่องริ้วรอย จุดด่างดำ ความชุ่มชื้น หรือหน้ากระจ่างใส เขาจะแยกสูตรแต่ละสูตร ถ้าไม่อ่านฉลากก่อนหยิบมาละก็ มันจะไม่ได้ช่วยลดปัญหาที่เรากำลังเป็นอยู่ เพราะฉะนั้นอ่านก่อนซื้อ จำไว้!!
2.ไม่ทำความสะอาดหน้าก่อนมาส์ก
ได้ยินแล้วตกใจมือทาบอกเลยทีเดียว คงคิดว่าใครกันไม่ล้างหน้าก็มาส์กหน้าเนี่ยนะ คนแบบนี้มีอยู่จริงจ้าแต่อาจจะส่วนน้อยมากๆ ซึ่งมันไม่ดี๊ไม่ดีเลย การทำแบบนี้นอกจากจะไม่ได้รับคุณค่าของเอสเซนส์ที่อยู่ในแผ่นมาสก์อย่างเต็มที่แล้ว ยังเท่ากับเป็นการสะสมสิ่งสกปรกยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย เพราะแต่ละวันออกไปเจอกับมลภาวะต่างๆนานา ถึงบ้านกะจะเติมผิวหน้าให้สดชื่นซะหน่อย เล่นแปะมาส์กลงไปเลย อกอีแป้นจะแตก! ไม่ด๊ายยยไม่ได้นะคะ ไปล้างหน้าก่อนค่อยมาส์กค่ะ!!
3.ทิ้งมาส์กไว้เกินเวลา
ข้อนี้เชื่อว่าร้อยละ80% ต้องเคยทำ!! เพราะตัวแอดเองก็เคย55555555 สืบเนื่องมาจากความเชื่อที่ว่าการทิ้งมาส์กไว้นานๆจะช่วยให้ผิวหน้าได้รับเอสเซนส์ได้มากขึ้น ยิ่งแผ่นมาส์กแห้งยิ่งแสดงว่าได้รับเอสเซนส์แบบเต็มเปี่ยม ฮ่าๆเรียกว่าใช้หมดจนหยดสุดท้าย แต่ความจริงแล้วนั้นมันไม่ดีเลย
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งของเกาหลีได้กล่าวไว้ว่า “การทิ้งแผ่นมาสก์ไว้จนเริ่มแห้ง แทนที่ผิวจะได้รับความชุ่มชื้น กลายเป็นว่ามันจะทำให้ผิวคุณแย่ลง เนื่องจากแผ่นมาสก์ที่แห้งจะทำให้เกิดกระบวนออสโมซิส ความชุ่มชื้นจากผิวหน้าของเราจะถูกแผ่นมาสก์ดึงกลับไป” ฮือๆกว่าจะรู้หมดเงินค่าแผ่นมาส์กไปเท่าไหร่
4.ใช้แผ่นมาส์กซ้ำ
ว้ายยยย นี่หนักพอๆกับไม่ล้างหน้าก่อนมาส์กเลยนะเนี่ย 1ในเหตุผลที่ใช้แผ่นมาส์กซ้ำคือเห็นว่าในซองมาส์กหน้ามีน้ำเอสเซนส์เหลือ!!! เลยเกิดความเสียดายจะทิ้งก็กระไรอยู่ เอาแผ่นมาส์กที่แปะเมื่อกี้มายัดกลับที่เดิมซะเลย ใช้ต่อพรุ่งนี้ได้อีก!! ไม่ได้นะคะไหว้หล่ะค่ะ ใช้แล้วก็ทิ้งมันไป ส่วนน้ำเอสเซนส์ที่เหลืออยู่ในซอง ก็เอามาทาตามคอตามตัวเลยจ้ะ ผิวกายจะได้ไบร์ทเหมือนหน้า
5.มาส์กเสร็จแล้วไม่บำรุงต่อ
มีหลายคนที่คิดว่ามาสก์เสร็จแล้วไม่ต้องทาครีมต่อก็ได้ เพราะการมาส์กหน้าเท่ากับได้รับการบำรุงแล้ว ไม่เสมอไปนะคะซิสเพราะว่ายังไงคุณค่าจากเอสเซนส์ก็ไม่ได้เทียบเท่าสกินแคร์อยู่แล้ว และหากสาวๆเป็นคนที่มีปัญหาผิวอื่นๆ อีก เช่น มีสิว มีริ้วรอย มีจุดด่างดำต่างๆ ที่ต้องการบำรุงและรักษา ก็ให้ใช้หลังมาส์กหน้าได้ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่มีปัญหาผิวหน้าอะไรมากขี้เกียจใช้ครีมบำรุงก็ไม่ต้องใช้ก็ได้จ้า