ฟิลเลอร์ (Filler) แก้ปัญหาริ้วรอย เห็นผลชัดเจนแค่ไหน ฉีดจุดไหนได้บ้าง?

ฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มบริเวณผิวที่เป็นร่อง ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น ใบหน้ากลับมาเต่งตึง และยังสามารถใช้ฟิลเลอร์ฉีดปรับโครงสร้างใบหน้า เสริมคาง จมูก หน้าผาก ขมับ ให้ใบหน้าได้รูป มีสัดส่วนสวยงาม การฉีดฟิลเลอร์จึงสามารถช่วยตอบโจทย์ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม 

สำหรับใครที่กำลังสนใจการฉีดฟิลเลอร์ ก่อนฉีดควรรู้อะไรบ้าง มีข้อแนะนำในบทความนี้

ฟิลเลอร์ คืออะไร?

ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ถูกสร้างเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ สามารถใช้ฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิว เพื่อทดแทนโครงสร้างผิว คอลลาเจน อีลาสติน ที่จะเริ่มสูญเสียไปเมื่ออายุเมื่อขึ้นได้

คุณสมบัติของฟิลเลอร์ คือสามารถอุ้มน้ำ เนื้อมีความคงตัว นอกจากฉีดเพื่อเติมเต็มร่องริ้วรอย จึงใช้เสริมส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าได้ หลังทำเห็นผลชัดเจนโดยไม่ต้องพักฟื้น และเห็นผลเต็มที่ใน 2 สัปดาห์

ซึ่งหากฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง จะได้ผลดีไม่แพ้การผ่าตัดศัลยกรรม นอกจากนี้ยังช่วยปรับสภาพผิวให้มีความยืดหยุ่น รูขุมขนเล็กลง ดูอิ่มเอิบมีน้ำมีนวล ฟิลเลอร์จึงเป็นหัตถการที่เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวหลายรูปแบบ

ฟิลเลอร์ ฉีดจุดไหนได้บ้าง?

ฟิลเลอร์ นิยมฉีดบนใบหน้า โดยมีจุดที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ได้แก่

  1. ฟิลเลอร์ใต้ตา
  2. ฟิลเลอร์หน้าผาก
  3. ฟิลเลอร์ขมับ
  4. ฟิลเลอร์ปาก
  5. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
  6. ฟิลเลอร์คาง
  7. ฟิลเลอร์แก้มส้ม

(alt : ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นจุดแรกๆที่แนะนำให้ฉีด)

จุดฉีดฟิลเลอร์ที่แพทย์เสริมความงามมักจะแนะนำให้ฉีดเป็นบริเวณแรก ๆ คือฟิลเลอร์ใต้ตา เนื่องจากเป็นจุดที่มีการยุบตัวของกระดูก ชั้นไขมัน และสังเกตได้ชัดเจนที่สุด ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ เมื่อแก้ไขบริเวณใต้ตาด้วยฟิลเลอร์ จะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเด็กลงได้

การฉีดแต่ละจุดต้องใช้ฟิลเลอร์กี่

ในการใช้ฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปหน้า หรือเติมเต็มริ้วรอย จะใช้ฟิลเลอร์กี่ CC ขึ้นอยู่กับระดับของปัญหา ความลึกของผิวบริเวณที่ต้องการฉีด เช่น ในคนที่มีปัญหากระดูกใต้ตาทรุดตัวลง ถ้าฉีดแก้ไขที่ผิวชั้นบนเพียงอย่างเดียวจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ ดูเป็นก้อน ดังนั้นต้องฉีดฟิลเลอร์หนุนจากผิวชั้นลึก แล้วจึงเก็บรายละเอียดผิวชั้นบน ซึ่งต้องใช้ฟิลเลอร์มากกว่าคนที่มีปัญหาผิวชั้นบนอย่างเดียว 

ลักษณะเนื้อฟิลเลอร์

โดยแต่ละจุดบนใบหน้า สามารถประมาณจำนวนฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ได้ ดังนี้

  1. ใต้ตา 2-4 CC
  2. ร่องแก้ม 1-3 CC
  3. ขมับ 2-4 CC
  4. หน้าผาก 3-5 CC
  5. แก้มส้ม 1-2 CC
  6. ปาก 1-2 CC
  7. คาง 1-2 CC

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ เตรียมตัวอย่างไร?

ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์ ให้คำแนะนำในการฉีดฟิลเลอร์อย่างตรงไปตรงมา เทคนิคอีกอย่างในการเลือกคลินิกที่ดี ช่วยเพิ่มความมั่นใจก่อนฉีดฟิลเลอร์ คือการดูรีวิวของผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ ว่าเป็นอย่างไร และควรดูรีวิวที่เป็นวิดิโอ เนื่องจากตกแต่งได้ยากกว่า 

ข้อปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์

  1. หลีกเลี่ยงการแตะ บีบ กดนวด และไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ ๆ
  2. อาจมีอาการบวมแดงหรือเขียวช้ำ จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน 
  3. อยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด อย่างน้อย 48 ชม. 
  4. งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
  5. ควรงดทานอาหารที่ส่งผลต่อการอักเสบ บวมและทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้า เช่น แอลกอฮอล์ บุหรี่ อาหารดิบ อาหารหมักดอง 
  6. ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ จะทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย เข้ารูปเร็วและอยู่ได้นาน