ถ้าคุณเป็นคนเลือดกรุ๊ปบีขอแสดงความยินดีด้วยเพราะคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จะเป็นเลือดเพียงกรุ๊ปเดียวเท่านั้นที่สามารถรับประทานอาหารนมเนยไขได้อย่างเต็มที่ เนยนั้นมีlactinแต่อาหารที่คนเลือดกรุ๊ปปีไม่ควรรับประทานมากที่สุดคือไก่ในเนื้ออกไก่จะรบกวนระบบและนำไปสู่อาการเส้นเลือดแตกหรือตีบในสมองรวมถึงโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจึงควรรับประทานไก่งวงแหนถ้ามีกำลังทรัพย์พอคนเลือดกรุ๊ปปีควรจะรับประทานปลาเช่นปลาหิมะปลาเนื้อขาวปลาจะละเม็ดปลาตาเดียวอีกอย่างหนึ่งร่างกายของคนเลือดกรุ๊ปบีจะตอบสนองต่อน้ำมันมะกอกได้ดีมากเพราะฉะนั้นควรทานไม่น้อยกว่าวันละ 1 ช้อนโต๊ะส่วนข้าวโอ๊ตกับข้าวกล้องนั้นจะมีประโยชน์ต่อกรุ๊ปบีเช่นเดียวกันคนเลือดกรุ๊ปปีไม่ควรทานถั่วไม่ว่าจะเป็นตัวประเภทใดทั้งสิ้นเพราะจะไม่ดีต่อเลือดของพวกเขาเพราะในถ้วจะมี Lectin ที่รบกวนระบบสร้างอินซูลินสิ่งนี้มีผลร้ายทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้มากในคนที่มีเลือดกรุ๊ปนี้และจะมีแนวโน้มทำให้เกิดโรคน้ำตาลในเลือดลดกะทันหัน
คนเลือดกรุ๊ปที่สามารถรับประทานนักมพนเค้าควรทานผักใบเขียวมาก ๆ จะช่วยป้องกันไวรัสและโคมกันลงเพราะถ้าคุณมีเลือดกรุ๊ปเอบีอาหารมังสวิรัติจะส่งผนงที่ต่จะว่าเอามากที่สุดไม่ควรรับประทานไข่และนมมากนักเพราะคนเกิดการเลือดกรุ๊ปเอบีทุกชนิดเว้นอยู่ไม่กี่ชนิดเช่นมะเขือเทศข้าวโพดและการรักษาสมควรจะได้รับโปรตีนจากอาหารทะเลเต้าหูเนื้อแดงมากกว่าในและนม แต่ควรที่จะรับประทานครั้งละน้อย ๆ จึงจะย่อยได้ดีกระเพาะของคนเลือดกรุ๊ปเอบีไม่ผลิตน้ำย่อยเพียงพอที่จะย่อยโปรดินที่มากเกินไปคนเลือดกรุ๊ปเอปีไม่ควรรับประทานปลาเนื้อขาวและแซลมอน แต่ควรรับประทานโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวจะย่อยได้ง่ายกว่าอย่างไรก็ตามคนที่มีเลือดกรุ๊ปเอบีก็ใช่ว่าจะทานไปไม่ได้ทานได้ แต่ควรที่จะทานในอัตราส่วนไข่ขาว 2 ฟองต่อไข่แดง 1 ฟองและควรใช้น้ำมันมะกอกอย่างเดียวในการประกอบอาหารเพราะเป็นน้ำมันเพียงชนิดเดียวที่ให้ผลดีกับเลือดกรุ๊ปเอบี คนเลือดกรุ๊ปเอบีควรรับประทานถังลิสงเพราะจะช่วยเพิ่ม ภูมิคุ้มกัน แต่ถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดีก็ไม่ควรรับประทานถ้วเม็ด แต่ให้เปลี่ยนเป็นเนยถั่วควรรับประทานถั่วเลนทิลและถั่วเหลืองบ้างเพื่อป้องกันโรคมะเร็งส่วนอาหารประเภทข้าวและแป้งควรรับประทานข้าวข้าวโอ๊ตและข้าวไรย์เพราะจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก แต่ไม่ควรรับประทานแป้งข้าวโพดคนเลือดกรุ๊ปเอบีควรรับประทานผักสดมาก ๆ เพราะคนกรุ๊ปเลือดนี้จะมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอและการทานผักสดก็จะช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจซึ่งเกิดได้ง่ายในคนเลือดกรุ๊ปเอบีและผลไม้ที่คนเลือดกรุ๊ปนี้ควรรับประทานคือองุ่นพลัมและเบอร์รี่เพราะเป็นผลไม้ที่มีกรดเป็นกลางช่วยสร้างความสมดุลให้เนื้อเยื่ออันเนื่องมาจากการบริโภคแป้งและข้าวอยไปเดินเป็นอย่างไรบ้างจากที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้นที่นี้คุณก็รู้แล้วใช่มั้ยว่าคุณเหมาะที่จะรับประทานอาหารประเภทไหนและควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไหนบ้างให้เหมาะกับกรุ๊ปเลือดของคุณและเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของคุณมากที่สุดปฏิบัติตามก็ไม่เสียหายนะ สำรวจตัวเองดูซิว่าร่างกายขาดสารอาหารหรือเปล่าคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้ร่างกายของคุณกำลังขาดสารอาหารและต้องการการบำรุงสัญญาณเตือนที่จะสามารถบอกให้คุณได้รู้ก็คือหัวใจ 1. ผิวหนังมีปัญหาถ้าคุณมีอาการคันหรือผิวหนังหลุดลอกเป็นขุยและดูแห้งกร้านไม่สดใสนั่นแหละคืออาการของคนที่กำลังขาดสารอาหารที่เป็นแบบนี้แสดงว่าร่างกายของคุณกำลังขาดวิตามินเอเพราะฉะนั้นคุณควรที่จะหันมาทานผักและผลไม้ที่มีสีเหลืองสีส้มหรือสีเขียวเข้มให้มาก ๆ คุณถึงจะได้รับวิตามินเอจากผักผลไม้เหล่านี้เพื่อที่จะทำให้ผิวพรรณของคุณสดใสและผุดผ่องขึ้น แต่ในการรับประทานวิตามินเอนั้นไม่ควรที่จะรับประทานวิตามินเอที่อยู่ในรูปของอาหารเสริมมากไปเพราะอาจจะทำให้ร่างกายได้รับผลเสียได้
แดนแบนชี้ฟูเหมือนกองฟางละก็นั่นเป็นผลมาจากการที่ร่างกายของคุณแต่ว่าขาดโปรตีนและธาตุเหล็กซึ่งจะพบได้บ่อยในกลุ่มผู้ที่นิยมบริโภคอาหารมังสวิรัติหรือคนที่อดอาหารเพราะกลัวอ้วนดังนั้นคุณแห้องรับประทานอาหารประเภทโปรตีนและธาตุเหล็กเพิ่มและถ้าจะให้ดี 2. ผมเริ่มแห้งเสียเจ้าคุณสังเกตเห็นว่าผมของตัวเองดูไม่มีชีวิตชีวาก็ควรที่จะรับประทานผักผลไม้ด้วยเพราะคุณจะได้รับกากใยจากนักและผลไม้ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นด้วยนอกจากนี้ควรที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยเพื่อที่ผมของคุณจะได้กลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง 3. ท้องผูกถ้าคุณรู้สึกว่าหมู่นี้มักจะท้องผูกบ่อย ๆ นั่นแสดงว่าคุณกำลังรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมและไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายจึงทำให้ร่างกายของคุณทำงานผิดปกติทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ไม่ดีวิธีแก้ก็คือให้คุณเปลี่ยนนิสัยการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์มาเป็นอาหารประเภทผักผลไม้ที่มีกากใยเยอะ ๆ เพื่อที่คุณจะได้ไม่เจอปัญหาท้องผูกและที่สำคัญคุณควรที่จะดื่มน้ำในแต่ละวันให้ได้ 8 แก้วเพื่อป้องกันอาการท้องผูกของคุณอีกทางหนึ่งด้วย 4. มีอาการปวดบริเวณข้อต่อและมีเสียงดังเวลาเคลื่อนไหวเสาไยจากวรที่จะไม่สุภาพถ้าคุณมีอาการปวดข้อและไม่ว่าจะเคลื่อนไหวไปทางไหนก็มักจะได้ยินเสียงกระดูกดังกรอบแกรบตลอดทั้งๆที่ตัวเองก็ยังไม่ ได้แก่ สักหน่อยนั่นแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังขาดสารอาหารให้คุณรับประทานปลาให้มากกว่าเดิมเพราะในปลาจะมีกรดไขมันประเภทโอเมก้า 3 เช่นปลาแซลมอนปลาทูน่าซึ่งกรดไขมันที่ได้จากปลานี้จะทำให้ข้อต่อของคุณเคลื่อนไหวได้สะดวกยิ่งขึ้นช่วยให้กระแสโลหิตไหลเวียนสะดวกลดอาการบวมและปวดตามข้อได้ 5. หัวใจเต้น ๆ หยุด ๆ หรือเต้นเร็วกว่าปกติถ้าคุณรู้สึกว่าหัวใจของคุณเต้นผิดปกติบางครั้งเต้นเร็วบางครั้งเต้นช้าไม่เต้นตามปกติเหมือนที่เคยเป็นแถมยังมีอาการเจ็บหน้าอกหรือหน้ามืดเวียนศีรษะบ่อยๆ แต่ไปตรวจสุขภาพแล้วก็ไม่พบอาการของโรคไตนั่นแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังขาดสารอาหารจานแมกนีเซียมหรือโพแทสเซียมเพราะฉะนั้นคุณจำเป็นจะต้องกระทานอาหารที่มีจารโพแทสเซียมให้มาก ๆ โดยการดื่มน้ำส้มวันละ 2 แก้ว 2 และให้เพิ่มกล้วยเข้าไปในเมนูของอาหารเช้าด้วยส่วนแมกนีเซียมโดยมเจอกันในบูทกระดูกแตกแล้วแตกอีกตั้งแต่เด็กจนเราไม่ได้ไงดอยู่นันแดดมากร่างกายของคนขาดสารอาหารให้ทานอาหารที่เป็นมล็ดจำพวกเม็ดมะม่วงหิมพานต์เมล็ดทานตะวันหรือเมล็ดฟักทองและผักโขมซึ่งมีแร่ธาตุที่ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น แต่นี้หัวใจของคุณก็จะได้กลับมาเต้นเป็นปกติแล้ว 6. ปวดเหงือกถ้าคุณมีอาการปวดเหงือกเพราะเหงือกอักเสบแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังขาดสารอาหารให้คุณรับประทานโยเกิร์ตในช่วงเช้าเป็นประจำทุกวันเพื่อสุขภาพที่ดีของปากและฟันจะได้ไม่ต้องมานั่งปวดเหงือกเหมือนที่ผ่านมาอีก กระดูกแตกง่าย ประเภทวิตามินดีและแคลเซียมซึ่งสารอาหารทั้งสองชนิดนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างกระดูกเพราะฉะนั้นคุณจะต้องรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ ปลาเล็กปลาน้อยกุ้งแห้งโยเกิร์ตนมและเนยแข็งที่มีไขมันต่ำก็จะช่วยให้กระดูกของคุณแข็งแรงขึ้นและไม่แตกง่ายเหมือนที่ผ่านมา เกิดอาการขี้หลงขี้ลืมถ้าคุณมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ ว่าตัวเองทำอะไรไปบ้างอยู่บ่อย ๆ ทั้งๆที่ยังไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อยนั่นแสดงว่าร่างกายคุณกำลังขาดสารอาหารจำพวกวิตามินบีซึ่ง ได้แก่ วิตามินบี 6 บี 12 และมีโฟเลตเพราะสารอาหารประเภทนี้จะช่วยในการทำงานของสมองได้เต็มที่และยังช่วยควบคุม homocysteine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่อยู่ในร่างกายเป็นตัวการขัดขวางเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองเพราะฉะนั้นคุณควรรับประทานอาหารจำพวกถั่วและอาหารทะเลให้มากขึ้นเนื่องจากถั่วจะอุดมไปด้วยวิตามินบี 6 และโฟเลตมากที่สุดส่วนเนื้อสัตว์และอาหารทะเลก็จะอุดมไปด้วยวิตามินบี 12 แค่นี้อาการขี้หลงขี้ลืมของคุณก็จะทุเลาลงแล้ว
อาหารฟาสต์ฟูด .. อันตรายที่ไม่ควรมองข้ามปัจจุบันนี้คนยุคใหม่บ้านเราไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็ชอบอาหารฟาสต์ฟูดกันหนักหนานัยว่ามันสะดวกรวดเร็วแถมยังอร่อยถูกปากก็เลยนิยมรับประทานกัน 18-31 87 อย่างแพร่หลายจนลืมไปเลยว่าสุขภาพที่ย่ำแย่ของคนยุคใหม่นี้มาเลยนจากการรับประทานอาหารประเภทนี้นั้นแหละถ้าเปลี่ยนจากอาหารฟาสต์ฟูดมาเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ
เชื่อว่าคุณภาพชีวิตของคนยุคใหม่คงจะแข็งแรงและห่างไกลจากโรคต่างๆมากขึ้นโดยเฉพาะโรคอ้วน แต่ยังไงก็เลิกไม่ได้ใช่มั้ยถ้างั้นลองมาดูกันว่าอาหารฟาสต์ฟูดอะไรบ้างที่ให้โทษต่อร่างกายของคนที่นิยมบริโภค 1. แฮมเบอร์เกอร์เป็นอาหารที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโทษต่อร่างกายเพราะมีมาตรฐานทางด้านสุขภาพต่ำเพราะในแฮมเบอร์เกอร์มักจะมีแบคทีเรียเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการผลิตเสมอในการทำแฮมเบอร์เกอร์มักจะใช้เนื้อเป็นหลักคือเป็นพแฮมเบอร์เกอร์นั้นทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากรงนกหักเป็นอาหารที่มีมาตรฐานทางด้านสุขภาพตำกระบวนการผลิตจะเหมือนกับแชมเบอร์เกอร์ซอตดอกจะใส่สารไนไตรท์ที่ทำให้เกิดและนำมาบดท้าเป็นเบอร์เกอร์รวมทั้งกีบกระดูกจมูกและส่วนที่อนศปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการคนที่ชอบกินชีสเบอร์เกอร์คุณจะได้รับไขมันจากมันทั้งหมดโรคและเนในสาระเพาะอาหารมะเร็งในเม็ดเลือดเนื้องอกในสมองและและใส่สารปรุงรส (MSG = Monosodium Glutamate) ซึ่งจะทำทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้นและก็จะทำให้คุณอ้วนขึ้นด้วยเกินกว่า 100% ของอาหารไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อวันส่วนเครื่องปรุงรสของเบอร์เกอร์พริกกะหล่ำปลีมะเขือเทศล้วนใช้สารก่อมะเร็งจากเกลือเคมีกำมะถันเพื่อควบคุมความสดของผักเพราะฉะนั้นเบอร์เกอร์ส่วนใหญ่จะมีเกลือโซเดียมอยู่ 1,090 มก. เท่ากับ 45% ของปริมาณที่กำหนดให้ใช้ในแต่ละวันจึงทำให้ร่างกายของคุณขาดน้ำได้
ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้สูงนอกจากนี้ยังมีไขมันที่เป็นสารประกอบไม่เปิดเผยอยู่ประมาณ 40% เมื่อนำไปปิ้งย่างมันจะให้สารพิษร้ายแรงที่เรียกว่าอะคริลิไมด์ (Acrylicies) ออกมาซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นสารก่อมะเร็งและทำลาย มันฝรั่งทอดมันฝรั่งทอดมีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาทน้ำมันที่ใช้ในการทอดมันฝรั่งในแต่ละครั้งจะเกิดการออกซิไดซ์และใช้ทอดกันหลายรอบนานหลายสัปดาห์มันฝรั่งมีกลีซิมิค (Glycemic) อยู่สูงมากและจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลภายในร่างกายได้เร็วมากการรับประทานมันฝรั่งปิ้งหนึ่งหัว (หรือเฟรนซ์ฟรายด์ในปริมาณเทียบเท่ากัน) จะมีปริมาณน้ำตาลเท่ากับรับประทานเค้กช็อกโกแลตชิ้นโต ๆ ที่เดียว