ทำไม? ต้องใช้โทนเนอร์

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโทนเนอร์คือ โทนเนอร์จำเป็นหรือไม่ ทำไมต้องใช้โทนเนอร์ โทนเนอร์ใช้ตอนไหน วันนี้เราจะมาคุยและมาไขคำถามเหล่านี้กันค่ะ

โทนเนอร์คือ โลชั่นเช็ดผิว มีหน้าที่ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่ตกค้างจากการล้างทำความสะอาดใบหน้า ช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมก่อนการทาครีมบำรุงผิว เพื่อให้ครีมซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น โทนเนอร์ที่ดีควรมีส่วนผสมของวิตามินและเกลือแร่ที่มีสารประกอบเพื่อช่วยในการบำรุงผิว ช่วยลดความมัน กระชับรูขุมขนสำหรับคนผิวมัน ช่วยเติมความชุ่มชื้นสำหรับคนผิวแห้ง โทนเนอร์ที่ดีอาจจะมีราคาแพง แต่เมื่อเทียบกับผลที่ได้แล้วนับว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก

► ความจริงเกียวกับโทนเนอร์ที่ควรรู้

1.โทนเนอร์ไม่ได้ผสมแอลกอฮอล์เสมอไป

2.การจะบอกว่าโทนเนอร์จำเป็นหรือไม่ ควรจะดูที่ส่วนผสมเป็นหลัก

3.โทนเนอร์ที่ดีไม่ควรมีแอลกอฮอล์ผสม ถ้ามี ควรมีใน % ที่น้อยๆหรือไม่มีจะดีที่สุด

4.โทนเนอร์ที่ดี ควรมีคุณสมบัติหลักๆในการ เติมน้ำให้ผิว  ปรับ pH ของผิวมาที่สภาวะกรดอ่อน ซึ่งเป็นสภาวะปกติของผิวตามธรรมชาติ คือที่ pH 5-7 (เฉลี่ย 5.5) และมีส่วนผสมที่บรรเทาอาการ ระคายเคือง

► ทำไมต้องเติมน้ำให้ผิวหลังล้างหน้า

แม้ว่าผลิตภัณฑ์ล้างหน้าในปัจจุบันจะมีตัวเลือกหลากหลาย และพยายามปรับให้อ่อนโยนมากขึ้น แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เราใช้อยู่ มันอ่อนโยนจริง ถ้าเลือกไม่เป็น ดูส่วนผสมไม่เป็น เราก็อาจกำลังใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่จัดว่าเป็น ” สบู่ ” เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบก้อน ก็เป็นได้  เช่น สบู่เหลว ที่เรียกให้สวยว่า ครีมอาบน้ำ หรือแม้แต่สบู่ที่อยู่ในรูป โฟมล้างหน้า  แม้ว่าในสูตรจะถูกเติมสารให้ความชุ่มชื้นเช่น กลีเซอรีนเข้าไปช่วย แต่ความเป็นด่างของสบู่ก็ยังรบกวนผิวอยู่ดี

ในขั้นตอนการล้างหน้า น้ำมันที่เคลือบผิวจะถูกชะล้างออกไป มากหรือน้อยขึ้นกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เราใช้ ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ชะล้างรุนแรง ก็จะชะน้ำมันออกไปได้มาก บางผลิตภัณฑ์อาจอ่อนโยนจนชะล้างน้ำมันออกจากผิวไม่หมดหรืออาจจะผสมมอยเจอร์ไรเซอร์ปริมาณสูง จนล้างแล้วรู้สึกว่าลื่นล้างไม่ออก ทำให้ผู้ใช้หลายๆคนสรุปว่า ผลิตภัณฑ์นี้ล้างไม่สะอาด และพยายามหาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ล้างแล้วเกลี้ยง ตึงผิว ยิ่งตึงยิ่งสะอาด ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องนัก

ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่คุณใช้อยู่จะล้างสะอาดจนผิวตึง หรือว่าสะอาดพอประมาณและหลงเหลือความลื่นของผิวไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับผิวของคุณในช่วงหลังล้างหน้าจะคล้ายๆกันคือน้ำใต้ผิวจะระเหยออกอย่างรวดเร็ว ยิ่งปล่อยหน้าไว้นานโดยไม่รีบเติมความชุ่มชิ้น ผิวจะยิ่งแห้ง และผิวจะเริ่มขับน้ำมันออกมาเคลือบผิวเพื่อลดการสูญเสียน้ำใต้ผิว นี่อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุุที่ทำให้บางคนเกิดปัญหาที่ว่า ทำไมล้างหน้าเสร็จไม่นาน ผิวก็มันแล้ว 

ดังนั้น หลังล้างหน้าทุกครั้ง ควรมีการปรับสภาพผิวด้วยโทนเนอร์ที่มีคุณสมบัติปรับค่ากรดด่างและเติมน้ำให้ผิว จะช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ เมื่อผิวอิ่มน้ำและชุ่มชื้น ผิวจะดูดซึม “เซรั่ม ครีม” ที่เราเตรียมจะลงในขั้นตอนต่อไปได้เป็นอย่างดี  

เคยสังเกตมั้ยคะว่า ทำไมบางช่วงเราทาครีมแล้วครีมไม่ลงผิว เคลือบแต่บนๆ ตื่นมาหนัามันเยิ้ม เผลอๆอุดตันเป็นสิวอีกต่างหาก ยิ่งถ้าหากซื้อครีมมาแพง แต่ครีมไม่ซึมนี่ ทำให้รู้สึกว่าครีมไม่ดี ไม่สมราคา  แท้จริงแล้ว อาจเป็นเพราะผิว ณ ขณะนั้นของเรา แห้งกร้าน ขาดความชุมชื้น เมื่อทาครีม โลชั่น ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ทำให้การดูดซึมของน้ำมันเป็นได้ได้ยากและบางรายเกิดการตกค้างของน้ำมันตามรูขุมขนกลายเป็นสิวอุดตัน

ในตำราแพทย์ผิวหนังญี่ปุ่น ได้เขียนไว้ว่า ผิวที่ชุ่มชื้นพอดี จะช่วยเพิ่มการดูดซึมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ดี  ในทางกลับกัน ผิวที่แห้งเกินไปหรือมันเกินไป การดูดซึมก็จะแย่ลง หลักการบำรุงผิวของสกินแคร์ของญี่ปุ่น จึงมีขั้นตอนในการเติมน้ำให้ผิวหลังล้างหน้าเสมอ

นอกจากความชุ่มชื้นจะช่วยในแง่การดูดซึมครีมแล้ว ความชุ่มชื้น ยังทำให้เซลล์ผิวพองตัว ส่งผลให้รูขุมขนซึ่งอยู่ตรงจุดตัดของเซลล์ผิวถูกเบียดให้แน่น รูขุุมขนจึงดูแคบลง อีกทั้งการพองตัวขึ้นของเซลล์ผิว ทำให้ผิวหนังชั้นนี้ดูหนาขึ้น สูงขึ้น การลำเลียงน้ำมันออกมาตามรูขุมขนเพื่อมาเคลือบผิว จะใช้เวลานานขึ้น คนที่มีผิวชุ่มชื้นพอดี จึงมักไม่มีปัญหาผิวมันเร็ว

► เวลาก็สำคัญ..นะ !!!

ที่ผ่านมา…ลองจับเวลาดูคะว่า นับจากที่คุณซับหน้าให้แห้ง จนถึงตอนที่คุณใช้โทนเนอร์เช็ดหรือมาส์กหน้า ห่างกันกี่นาที.. ถ้าคุณปล่อยเกิน 3 นาที ผิวของคุณอาจเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิวไปแล้ว การมาส์กหน้าจะได้ประโยชน์น้อยลง และถ้าเป็นการเช็ดธรรมดา ยิ่งไม่ได้ประโยชน์เลย มาปรับรูปแบบการบำรุงผิวกันใหม่ค่ะ

สิ่งที่ไม่ควรทำคือ เริ่มล้างเมคอัพ + ล้างหน้า +ซับหน้าแห้ง แล้วถึงไป อาบน้ำ แปรงฟัน รู้หรือไม่ว่าระหว่างที่เราอาบน้ำ น้ำใต้ผิวหน้าก็ระเหย หน้าก็แห้งไปเรียบร้อย พอไปมาส์กโทนเนอร์ก็ไม่ทันแล้วค่ะ

วิธีใช้โทนเนอร์อย่างถูกต้อง

1.หลังทำความสะอาดใบหน้า ควรซับใบหน้าด้วยกระดาษทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้าที่มีความอ่อนนุ่ม หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าเช็ดหน้า เพราะอาจทำให้หน้าเป็นรอย ไม่สามารถซับน้ำบนใบหน้าได้ดีเท่ากับกระดาษเช็ดหน้า

2.ใช้สำลีแผ่นสำหรับเครื่องสำอางแทนการใช้สำลีแผ่นทั่วไป เนื่องจากสำลีแผ่นสำหรับเครื่องสำอางมีความบาง เนื้อแผ่นแน่นมากกว่า จึงช่วยประหยัดการใช้โทนเนอร์ โดยการหยดโทนเนอร์ลงไปเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้เช็ดได้ทั่วทั้งใบหน้า ไม่ทำให้มีเนื้อสำลีหลุดติดบนใบหน้า

3.หยดโทนเนอร์ลงบนสำลีแผ่น ให้จับสำลีแผ่นอย่างถูกวิธีโดยการวางแผ่นสำลีเอาไว้ตรงกลาง โดยใช้นิ้วนางกับนิ้วชี้หนีบสำลีเอาไว้ไม่ให้หลุด เพื่อช่วยทำให้เช็ดใบหน้าได้อย่างนุ่มนวล ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ง่าย

4.เริ่มเช็ดหน้าเบา ๆ ทีละครึ่งหน้า เพื่อให้สามารถทำความสะอาดใบหน้าได้อย่างทั่วถึง เช็ดจากล่างขึ้นบน เพื่อเปิดรูขุมขน จะทำให้โทนเนอร์ซึมเข้าสู่ใต้ผิว ทำให้ทำความสะอาดได้อย่างหมดจด เมื่อเช็ดใบหน้าครึ่งแรกเสร็จ ก็ให้พลิกสำลีอีกด้านเพื่อเช็ดใบหน้าส่วนที่เหลือโดยการเช็ดจากล่างขึ้นบนเหมือนกัน

5.นำแผ่นสำลีที่เช็ดทำความสะอาดใบหน้า เช็ดบริเวณลำคอและท้ายทอย เพราะจะต้องทาครีมบำรุงบริเวณลำคอด้วยนั่นเอง

 ► เป็นคนผิวมันอยู่แล้ว ใช้โทนเนอร์สูตรเติมน้ำได้หรือไม่

ได้ค่ะ เพราะการเติมน้ำให้ผิว เป็นคนละส่วนกับการเติมน้ำมันให้ผิว โดยทั่วไปโทนเนอร์คือผลิตภัณฑ์ที่มี เบสเป็นน้ำ ผสมกับสารนำพา มอยเจอร์ไรเซอร์และสารสกัดต่างๆ ที่ละลายในน้ำ โดยไม่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม* คนผิวมันจึงใช้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีปัญหา “ ผิวมันขาดน้ำ” การปรับสภาพผิวด้วยโทนเนอร์สูตรเติมน้ำมีส่วนสำคัญอย่างมากในการบำรุงผิว 

การใช้โทนเนอร์เช็ดทำความสะอาดใบหน้า จะช่วยทำให้การบำรุงผิวเป็นไปได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยทำให้ครีมบำรุงผิวซึมลึกมากขึ้น โทนเนอร์ยังช่วยทำความสะอาดใบหน้าให้หมดจด จึงช่วยลดปัญหาสิวบนใบหน้า เพียงรู้จักการใช้โทนเนอร์อย่างถูกวิธี รับรองสาวๆ ก็จะมีผิวหน้าสวยกระจ่างใสไร้สิวแล้ว