การส่งเสริมบทบาทของบิดาเป็นบทบาทสำคัญ โดยการช่วยให้บิดาเข้าใจถึง พัฒนกิจและบทบาทตัวเอง ส่งเสริมความเชื่อมั่นในตนเองและเปิดโอกาสให้แสดงบทบาทการเป็นบิดา สามารถปรับตัวได้เหมาะสมส่งผลให้เกิดความสุข ความสมดุลในครอบครัว แนวทางการพยาบาล เพื่อส่งเสริมบทบาทการเป็นบิดา มีดังต่อไปนี้ให้บิดาได้มีส่วนร่วมในการฟังคำแนะนำ การปฏิบัติตนของมารดาและการเลี้ยงดูบุตร ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้บิดาได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้และสามารถให้ความช่วยเหลือมารดาได้อย่างเหมาะสม ตลอดจนอีกทั้งเป็นการส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างบิดา มารดาและบุตร
– เปิดโอกาสให้บิดา มารดา และบุตร ได้อยู่ร่วมกันโดยเร็วในระยะหลังคลอดเพื่อเป็นการกระตุ้นให้
บิดารู้สึกถึงความมีคุณค่าในตนเอง ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้จะน าไปสู่ความมั่นใจในการแสดงบทบาทการเป็นบิดาได้มากขึ้น
– เสริมสร้างกำลังใจแก่บิดา โดยการจัดกลุ่มให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำ เปิดโอกาสให้
บิดาได้แสดงความคิดเห็น ความรู้สึกต่อบทบาทหรือเหตุการณ์ที่เผชิญอยู่ ให้กำลังใจเพิ่ม ความมั่นใจ และชี้แนะแนวทางการเผชิญปัญหาด้วยตนเอง เพื่อให้บิดามีความรู้สึกเป็นอิสระในการตัดสินปัญหาด้วยตนเอง ทำให้เกิดความมั่นใจและความกล้าที่จะรับผิดชอบครอบครัวในฐานะบิดาได้มากยิ่งขึ้น
การเปลี่ยนแปลงด้านจิตสังคมและการปรับตัวของสมาชิกอื่นในครอบครัว
เมื่อมีสมาชิกใหม่เกิดขึ้นสมาชิกอื่นทุกคนในครอบครัวจะมีการปรับตัวและปฏิกิริยาตอบสนองต่อสมาชิกใหม่เช่นกัน การตอบสนองของแต่ละบุคคลที่มีต่อสมาชิกใหม่ ขึ้นอยู่กับวัยและบทบาทในครอบครัว ดังนี้
– บุตรคนก่อน การตอบสนองของบุตรคนก่อนต่อน้องที่เกิดใหม่ จะขึ้นอยู่กับระดับอายุและ
พัฒนาการ เด็กวัยเตาะแตะ อยู่ในวัยที่อิจฉารุนแรง มักจะมองน้องว่าเป็นสิ่งที่มาแย่งบิดา-มารดาไปจากตน มักจะมีพฤติกรรมไปทางด้านลบ ถ้าบิดา-มารดาไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควร บางครั้งแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวต่อมารดาโดยเฉพาะขณะที่มารดาอุ้มหรือให้นมน้อง สำหรับวัยเรียน การอิจฉาน้องจะน้อยกว่า แต่จะสนใจน้อง เมื่อเข้ามาอยู่ใกล้ๆ และมองมากกว่าจะใช้การสัมผัส จะมีการพูดคุยกับมารดาในเรื่องของน้อง ถ้าบิดา-มารดาให้ ความสนใจพูดคุยตอบคำถาม ชี้ชวนให้เห็นความน่ารักและพฤติกรรมที่น้องแสดงออก โดยให้พี่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม ไม่แบ่งแยกหรือห้ามก็จะทำให้เกิดความรู้สึกในทางบวกและมีสัมพันธภาพที่ดีเกิดขึ้นตลอดไป
-เครือญาติ ปู่ย่า ตายาย หรือพี่ป้า น้าอา ที่อาศัยอยู่ในครอบครัวเดียวกัน จะเป็นบุคคลที่ให้
ความช่วยเหลือมารดาไม่ว่าจะเป็นในด้านกำลังใจ ที่ปรึกษา หรือผู้สนับสนุน บุคคลเหล่านี้จะเกิดความรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่ามากขึ้น และเป็นที่ต้องการของลูกหลาน เพราะได้กลับมามีบทบาทในครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นมารดาและสามี ควรให้เครือญาติได้มีโอกาสแสดงบทบาทของเขาด้วย เช่น การดูแลบุตรคนใหม่หรือบุตรคนก่อน ช่วยเหลืองานบ้านและการดูแลตนเองของมารดาหลังคลอด
ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับตัวของมารดาหลังคลอด และครอบครัว
วุฒิภาวะ หมายถึง ความพร้อมในการทำหน้าที่ของแต่ละคนในวัยต่างๆ ประกอบไปด้วยอายุ และการศึกษ รวมถึงประสบการณ์ ประสบการณ์ในอดีตเกี่ยวกับ การตั้งครรภ์ การคลอด และหลังคลอดในอดีต
สัมพันธภาพในชีวิตสมรส จะส่งผลให้มารดาสามารถปรับตัวในการมีบุตรโดยเฉพาะใน
ระยะ 6 สัปดาห์แรกหลังคลอดได้ดียิ่งขึ้น
– รายได้มีผลต่อความวิตกกังวล ความเครียด ส่งผลให้การรับรู้และการปรับตัวสู่บทบาทการ
เป็นมารดาน้อยลดลง
– บุคลิกภาพและทัศนคติต่อการเลี้ยงบุตร มารดาที่มีเจตคติที่ดีต่อการเลี้ยงดูบุตร จะมีความ
เชื่อมั่นในบทบาทใหม่ รู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า และมีความสำคัญต่อบุตร ซึ่งส่งผลให้การปรับตัวสู่บทบาทการเป็นมารดาเป็นไปได้อย่างดี
การฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจเพื่อกลับคืนสู่สภาพปกติความไม่สุขสบายที่เกิดขึ้นใน
ระยะหลังคลอด ทำให้เกิดความยุ่งยากในการตอบสนองความต้องการของบุตร
-ตัวทารก พฤติกรรมการตอบสนองของทารก ภาวะสุขภาพทารก
-ครอบครัวและความคาดหวังของครอบครัว
-แรงสนับสนุนทางสังคม ได้แก่ สภาพแวดล้อมที่โรงพยาบาล บ้าน และที่ทำงาน
รวมทั้งสังคม ประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อ
มารดาหลังคลอดต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย จิตใจและสังคมหลายประการ และ
มีการปรับตัวต่อบทบาทใหม่เพิ่มขึ้น ดังนั้นพยาบาลจึงมีบทบาทในการประเมินการเปลี่ยนแปลงและ ผลของการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย จิตสังคมของมารดาในระยะหลังคลอดได้อย่างถูกต้อง เพื่อส่งเสริมและดูแลช่วยเหลือมารดาในการกลับสู่สภาพเดิม รวมทั้งสนับสนุนมารดาและครอบครัวในการปรับตัวต่อบทบาทใหม่ได้
สาวๆมีคนชอบสีอะไรบ้างค่ะชอบมากๆนะคะสีมากกว่าตัวนะคะเพราะว่ามันเบากว่าให้ดูเป็นสาวที่มีความสนุกสนานเวลาใช้เพื่อนจะทักว่าอะไรของมากที่นี่ไม่เคยมีผู้ชายค่ะเหมือนกันเย็นหน่อย ไม่ใช่ค่ะพี่ว่ามันหายก็จะเหมาะกับสาวหวานสาวออฟฟิศแล้วก็ดูภูมิฐานนิดแต่อยากได้รู้ที่ดูอ่อนโยนกว่าๆก็ผู้หญิงแบบนี้นะคะใครรู้คำอ่านภาษาไทยก็เขียนข้างล่างให้ดูหน่อยละกันนะคะตัวนี้นะคะตัวเล็กเหมือนกันไม่ได้ดีมากจนกว่าเราจะซ้ำค่ะเคยรู้เป็นรูปภาพไว้ใน Instagram นะคะเนี่ยมันมาเป็นสีเขียว แล้วก็ไม่ได้ดูเป็นสาวจ๋าใช้ได้ทั้งผู้ชายผู้หญิงไม่หวานเรียนไม่หวานค่ะกินไม่ให้กินหมานะจะให้ความสดชื่นมากกว่าใช้ไม่ได้เหมาะกับงานกลางคืนเท่าไหร่เพราะมันดูตัวนี้ค่ะมีกี่ตัว แรงๆขนาดนั้นเลยใส่ชุดสีดำลึกลับน่าค้นหา ก็ไม่รู้ก็เลยทำให้รู้สึกอยากอยู่เสมอนะคะก็ไม่รู้อ่ะตัวนี้แล้วก็อยากได้ค่ะหวานละมุนมากแค่ความรู้สึกของสีดอกไม้ผสมกับกลิ่นแป้งวันก่อนนะคะตัวนี้เหมาะมากค่อนข้างไปในทางที่ต้องการความทางการแต่งตัวนี้อย่างเป็นนานแล้วพอจะมีในตัวของเรานะคะเราจะถามว่า ที่เอามาใช้แรกๆเหมือนไม่ได้จะชอบมากอะไรนะคะแต่มันยังไงก็ไม่รู้มันใช้ตลอดตลอดใช้บ่อยค่ะรักมากก็คือมันเป็นเหมือนกันหนักมากเกินไปมันขึ้นขึ้นง่ายใช้ได้ตลอดได้ทุกสถานการณ์นะว่าจะเป็นงานกลางวันกลางคืนลุกแบบไหนก็ใช้ได้ไม่รู้ความ ดูสดใส
กำลังท้องอ่อนเป็นช่วงที่ทารกในครรภ์เริ่มเจริญเติบโตบวกกับร่างกายแม่ท้องเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจึงทำให้แม่ท้องมักจะเกิดความกังวลกลัวว่ากินโน่นกินนี่แล้วจะแท้งโดยเฉพาะคุณแม่ท้องแรกยิ่งกังวลไปกันใหญ่มาดูกันค่ะว่าคนท้องอ่อนห้ามกินอะไรบ้างอาหารสุกๆดิบๆยกตัวอย่างเช่นปลาดิบไข่ดิบซูชิรวมถึงอาหารทะเลปอกเปลือกที่ไม่ปรุงสุกรเช่นหอยปูและกุ้งเพราะว่าอาหารเหล่านี้นี่แหละค่ะหรือเชื้อโรคส่งคลังอยู่อาจทำให้ติดเชื้อโรคได้และเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ค่ะ อาหารแปรรูปในช่วงเดือนแรกๆของการตั้งครรภ์นะคะคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ได้ปรุงสดใหม่และอาหารแปรรูปเช่นน้ำผลไม้กล่องนมข้นที่อาจปนเปื้อนเชื้อโรคเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดโรคโดยคุณแม่ท้องเลือกรับประทานน้ำผลไม้ครั้งนี้สดและสลัดผลไม้สดแทนโดยควรทานภายใน 20 นาทีหลังจากทำเสร็จนะคะ 3 อาหารไขมันสูงย่อยยากยกตัวอย่างเช่นเค้กพิซซ่าโดนัทรวมถึงน้ำอัดลมด้วยนะคะเพราะว่าอาหารเหล่านี้นอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้วอย่าทำให้ร่างกายทำงานหนักและเป็นไขมันสะสมในร่างกายอีกด้วย 4 ของหมักดองมีโซเดียมสูงเพราะว่าอาจทำให้คุณแม่ท้องอืดอาหารไม่ย่อยได้ค่ะรวมถึงถั่วลิสงก็ไม่ควรรับประทานด้วยนะคะเพราะว่ามีผลเสียต่อร่างกายอาจเข้าไปกระตุ้นให้ลูกเกิดมาเป็นโรคภูมิแพ้ได้ค่ะเพราะว่าเมื่อร่างกายได้รับสารในชาและกาแฟในปริมาณมากอาจทำให้ร่างกายต้องการขับน้ำออกมามากส่งผลให้คุณแม่มีอาการท้องผูกได้นอกจากนี้เครื่อง แอลกอฮอล์ก็ไม่ควรดื่มนะคะเพราะแอลกอฮอล์ก็มีผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองลูกในท้องค่ะ 6 นมที่ไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์คุณแม่ท้องไม่ควรกินนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์นะคะเพราะว่านมประเภทนี้จะมีเชื้อจุลินทรีย์และเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณแม่ท้องและลูกในท้องได้
สำหรับผู้หญิงแล้วรูปร่างหน้าตาดียเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในโดยเฉพาะคุณแม่หลังคลอดที่เคยมีรูปร่างสะโอดสะองต่างวิตก้าวไปน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นทั้งการขยายตัวของร่างกายบางส่วนเช่นต้นขาหรือหน้าท้องที่หย่อนคล้อยและเต็มไปด้วยไขมันใบหน้าที่เคยเรียวเล็กก็ต้องนวมบานผิวพรรณที่เคยผุดผ่องก็อาจหมองคล้ำลงเพราะความเครียดและขาดการดูแลตนเองระหว่างตั้งครรภ์ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ค่ะด้วยรู้ถึงสาเหตุและวิธีแก้ไขปัจจัยที่ส่งผลต่อน้ำหนักตัวของคุณแม่หลังคลอด 1. มีปริมาณไขมันและน้ำเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ที่ผ่านมา 2 รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันหลังคลอดหากเป็นคุณแม่ที่อยู่ แต่ในบ้านน้ำหนักตัวจะลดลงเร็วกว่าคุณแม่ที่ทำงานนอกบ้านเพราะการได้อยู่บ้านทำกิจกรรมต่างๆและได้เลี้ยงลูกเองพลังงานจะถูกเผาผลาญได้ง่ายเดือนแรกเลยสำหรับการคลอดใหม่ ๆ น้ำหนักของคุณแม่หลังคลอดอาจจะแคลงได้เองโดยอัตโนมัติประมาณ 8ถึง 10 กิโลกรัมซึ่งจะแบ่งเป็น 2 รอบนี้
หลังคลอดน้ำหนักจะลดลงประมาณ 5-6 กิโลกรัมซึ่งเป็นผลรวมจากน้ำหนักตัวลูกรกน้ำคร่ำรวมทั้งเลือดที่ออกขณะคลอดรอบที่สองสัปดาห์แรกหลังคลอดน้ำหนักจะหายไป 3-5 กิโลกรัมเกิดจากกระบวนการทางร่างกายทำหน้าที่ขับน้ำระหว่างตั้งครรภ์ออกทางปัสสาวะ แต่จะเป็นเพียงครั้งเดียวของสัปดาห์แรกเท่านั้น 3. การให้นมแม่ด้วยตัวเองจะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้เร็วเพราะกระบวนการผลิตน้ำนมในร่างกายจะดึงไขมันที่สะสมในร่างกายไปใช้ในการสร้างน้ำนมเป็นผลพลอยได้ที่ทำให้น้ำหนักตัวลดลงไปด้วย
ส่วนคุณแม่ไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยตนเองหรือมีพี่เลี้ยงคอยช่วยเมียนาหนักตัวจะลดลงได้น้อยกว่าเนื่องจากกระบวนการในร่างกายไม่ได้เผาผลาญมากนักการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และเลี้ยงด้วยตัวเองซึ่งเป็นหนทางหนึ่งที่จะลดน้ำหนักได้เร็วและเป็นไปโดยธรรมชาติที่สุดที่เส้าคัญต้องไม่เป็นไปด้วยโอเม 3 เพื่อบารุงสมองและเซลล์ประสาทของเจ้าตัวเล็กด้วยและเพราะยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องรับสารอาหารจากนมแม่ด้วยนั่นก็คือเจ้าตัวน้อยที่เกิดขึ้นมาครั้นจะให้ลดทันทีแบบวูบวาบคงเป็นไปไม่ได้อย่าลืมว่าคุณต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นมา 15 ถึง 20 กิโลกรัมเมื่อถึงเวลาลดน้ำหนักก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน 3 เดือนเวลาทองของการดูแลน้ำหนักตัวช่วง 3 เดือนหลังคลอดถือเป็นเวลาอันมีค่าสำหรับคุณแม่ที่ต้องการคืนรูปร่างให้กลับมากระชับดังเดิม แต่ใช่ว่าจะลดแบบเอาเป็นเอาตายโดยไม่กินอะไรเข้าไปเลยเพราะหากคุณโหมลดน้ำหนักในช่วงเวลาที่ต้องใช้พลังงานในการเลี้ยงดูลูกจะทำให้ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอนอกจากจะทำให้คุณแม่ขาดสารอาหารแล้วยังทำให้คุณลูกตัวน้อยพลอยคลารอาหารไปด้วยทางที่ดีคุณแม่ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะในช่วงพักฟื้นควรกินอาหารที่ให้พลังงานและไขมันเช่นอาหารจำพวกปลาที่อุดม
เห็นว่างกายต้องสูญเสียแคลเซียมไปมากมายเนื่องจากต้องแบ่งให้แก่การกในครรภ์หลังคลอดมาแล้วจึงต้องเสริมสร้างกระดูกด้วยการดื่มนมมาๆเพื่อให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงดังเดิมรสเด็ดที่เหมือนได้โชคสองชั้นก็คือการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพราะการให้นมลูกนั้นจะทำให้น้ำหนักตัวคุณแม่ลดลงได้เร็วขึ้นและพยายามดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ระบบเผาผลาญในร่างกายดีขึ้นโดยสังเกตได้จากสีของผสาวะสำหรับคนที่ดื่มน้ำเพียงพอต่อร่างกายสีของปัสสวะจะใส แต่ถ้าเป็นสีเหลืองเข้มและอุ่นแสดงว่าร่างกายขาดน้ำ 2 อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการพักผ่อนให้เพียงพอเนื่องจากร่างกายเสียเลือดและน้ำไปมากทำให้เหนื่อยและเพลียก่อให้เกิดความเครียดจนส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นดังนั้นคุณแม่หลังคลอดจึงควรแผนพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมงเมื่อร่างกายฟื้นตัวหลังคลอดแล้วควรเริ่มออกกำลังกายเพื่อกำจัดโรมันส่วนเกินที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่แผลเย็บด้วยคือถ้ารุ่นแม่คลอดแบบธรรมชาติแค่ 2 3 วันหลังคลอดที่สามารถออกกำลังกายด้วยท่าเบา ๆ ได้แล้ว แต่ถ้าเป็นแผลผ่าคลอดก็ต้องรอให้ครบ 1 เดือนแล้วคอยเริ่มออกกำลังกายเพื่อให้แผลแห้งสนิทก่อนจะดีกว่าและต่อไปนี้คือการออกกำลังกายหลังคลอดที่ถูกต้องถ้าพร้อมแล้ว
1. ฝึกหายใจเอนกายลงด้วยท่ากึ่งนั่งกิ่งนอนใช้หมอนอิงข้างหลังไว้พร้อมกับใช้หมอนรองใต้หัวเข่าเอามือประสานกันไว้ที่หน้าท้องจากนั้นกำหนดลมหายใจเป่าลมออกปากพร้อมกับแขม่วหน้าท้องและสูดลมหายใจเข้าทำแบบนี้ 3-5 ครั้งท่านี้สามารถทำได้ตั้งแต่วันแรกหลังจากคลอด
2. ยกกระชับหน้าท้องและกันนอนหงายลำตัวราบกับพื้นพร้อมกับชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นหนีบเข่าทั้งสองข้างเข้าหากันและเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณกันให้มากที่สุดกลั้นลมหายใจไว้สักครูนับ 1 20 จากนั้นผ่อนลมหายใจออกทำแบบนี้ 3-5 ครั้งจะช่วยให้ระบบขับถ่ายดี
3 .. กระชนมดลูกให้เข้านรกนอนคว่าหน้าโดยนำหมอนวางรองไว้บริเวณหน้าท้อง 2 ในเพื่อให้ร่างกายกดทับทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น 1. ยกกระชับกล้ามเนื้อแขนนั่งบนเก้าจากนั้นยกแขนทั้งสองข้างราขึ้นฟ้าพร้อมกันและหมุนเป็นวงกลม
5. บริหารหลังและหน้าท้องคุกเข่ามือทั้งสองยันพื้นก้มหน้าลงแขนทั้งสองข้างเหยียดตรงจากนั้นแขม่วท้องพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าให้หลังโก่งขึ้นนับ 1-10 ในใจแล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออกทำแบบนี้ให้ได้ 10 ครั้ง
6. ท่าบริหารขานอนหงายราบกับพื้นยกขาทั้งสองข้างขึ้นขาหนึ่งเหยียดตรงสูงขึ้นฟ้าอีกข้างหนึ่งงอไปข้างหน้าทำแบบนี้สลับกันโดยเหยียดและงอทีละข้างให้ได้ครั้งคล้าย ๆ การปั่นจักรยานกลางอากาศ 10-20
7. ท่าบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องสะโพกอกช่วยขับน้ำคาวปลานอนคว่ำเหยียดแขนเหนือศีรษะค่อยๆยกกันให้เช่าเคลื่อนขึ้นใกล้หน้าอกมากที่สุดจนกลายเป็นท่านั่งบนส้นเท้าพักไว้ 2 นาทีจากนั้นใช้หมอนวางรองหน้าอกและท้องไว้ไม่ให้ติดกับเข่าเพื่อผ่อนคลายทำท่านี้พักไว้ 30 นาทีจะช่วยขับน้ำคาวปลาและมดลูกให้เข้าที่เร็วขึ้น
8. ท่าบริหารกล้ามเนื้อบริเวณอกไหล่หลังลำคอและลดหน้าท้องนอนหงายราบกับพื้นจากนั้นค่อยๆยกศีรษะขึ้นจากพื้นพยายามให้คางจรดหน้าอกได้ยิ่งดีในขณะยกศีรษะขึ้นแขนและขาเหยียดตรงตามแนวราบทำแบบนี้ 5-10 ครั้งจะช่วยลดไขมันที่หน้าท้อง
9. ท่าบริหารกล้ามเนื้อขาต้นขาหน้าท้องและสะโพกนอนหงายชันขาทั้งสองข้างขึ้นให้เข่าชิดกันและวางเท้าราบกับพื้นให้ห่างกันพอสมควรยกสะโพกขึ้นในเวลาเดียวกันโดยกางมือจับที่สะโพกทั้งสองข้างท่านี้จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณฝีเย็บหดตัวดีขึ้น
ขณะที่นอนหรือนั่งให้นมีบที่บริเวณช่องคลอดหรือทวารหนักครั้งละ: 10 นาทีหรือเป็นวันละ 200 ครั้งขณะท้องท่านพวกไปดหลังทแอดเดือดขอดปลายเท้าบวมและอาการตะคริวได้และยังขายให้การไหลเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้นถ้าทำได้อย่างนี้แล้วรับรอง 2 10. ท่าบริหารกล้ามเนื้อพรท่องคลอดดูแลลูกน้อยอยู่ก็ได้หลังจากนริหารร่างกายด้วยทำเหล่านี้ไปจนครบ 6 สัปดาห์ทดังคลอดและได้รับการตรวจสุขภาพแล้วว่าทุกสิ่งกลับคืนสู่สภาพปกติจะสามารถยอกกำลังกายชนิดอื่น ๆ ได้ตามที่ต้องการ แต่ไม่ควรหักโหมจนเป็นไปและควรจะบริหารกล้ามเนื้อช่องคลอดอยู่เสมอเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อกุ้งเชิงกรานกระชับและป้องกันการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่อีกด้วยนอกจากนี้ยังควรบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องเพราะจะช่วยลดอาการหลังคลอดเห็นผลแน่นอน