กระดูกสันหลังคดคืออะไร อันตรายแค่ไหน ทุกคนต้องรู้

หลายคนคงจะเคยได้ยินโรคกระดูกสันหลังคดกันมาบ้าง บางคนก็อาจจะคิดว่าเป็นโรคของคนแก่เหมือนกับตอนหลังค่อม แต่รู้หรือไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์เป็นโรคกระดูกสันหลังคดได้ ไม่เว้นแม้แต่วัยรุ่นหรือว่าวัยเด็ก วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักโรคนี้กันมากขึ้น เพื่อที่จะรู้เท่าทัน และรักษาให้หายได้ โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด 

กระดูกสันหลังคดคืออะไร

กระดูกสันหลังคด คือการที่กระดูกสันหลังของเราที่ปกติจะมีลักษณะตรง จะเปลี่ยนเป็นคดโค้งไปด้านข้าง ซึ่งอาจจะคดโค้งเดียว หรือมีลักษณะเป็นรูปตัวเอส ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าโรคนี้มักจะเกิดขึ้นในคนแก่ แต่ในความเป็นจริง มักจะพบในเด็กและวัยรุ่น โดยส่วนใหญ่จะไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ก็อย่างเช่น ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือกล้ามเนื้อหรือระบบประสาทที่ผิดปกติ 

ดังนั้น แม้ว่าเราจะอายุไม่มาก หรืออยู่ในช่วงวัยรุ่น เราก็อาจจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ เนื่องจากความผิดปกติดังกล่าวนั้นเอง 

เราจะสังเกตได้อย่างไร

                โชคดีว่าแม้ว่าโรคกระดูกสันหลังคดจะสามารถพบได้กับทุกคน และเราทุกคนก็อยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่เราสามารถสังเกตเห็นรอยโรคได้ง่ายกว่าโรคอื่น ๆ โดยให้เรายืนตรงโดยดูระดับของแนวหัวไหล่ว่าเท่ากันหรือไม่ หากว่าไม่เท่ากัน มีข้างใดข้างหนึ่งสูงกว่า อาจจะเป็นไปได้ว่าเราอาจจะมีความเสี่ยงของโรคดังกล่าว นอกจากการดูระดับของแนวหัวไหล่แล้ว เราสามารถดูที่ร่องเอวทั้งสองข้างที่ไม่เท่ากัน รวมถึงระดับสะโพกทั้งสองข้างอีกด้วย พูดง่าย ๆ ว่า เราสามารถสังเกตได้จากการที่ร่างกายซ้าย-ขวาของเราไม่สมดุล หรือไม่ได้ระดับที่เท่ากัน 

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว เรายังสามารถสังเกตกระดูกสะบักที่โก่งนูนขึ้น หรือเมื่อก้มแล้ว แนวกระดูกสันหลังไม่ตรง 

การรักษา 

                สำหรับแนวทางการรักษาโรคกระดูกสันหลังคดจะพิจารณาจากองศาในการคดเป็นหลักว่ามากหรือน้อยเพียงใด ในระยะแรกจะพยายามรักษาโดยการไม่ผ่าตัด หากว่าองศาคดไม่มาก โดยจะใช้การทำกายภาพบำบัด หรือใส่เสื้อเกราะในการรักษาแทน 

                อย่างไรก็ตาม หากว่ากระดูกสันหลังคดมาก และกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจจะต้องผ่าตัด เพื่อการรักษา ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ 

                ที่สำคัญที่สุดคือ เราจะต้องหมั่นสังเกตร่างกายของเราว่าซ้ายขวามีความสมดุล ไหล่เท่ากันหรือไม่ หรือเมื่อก้มแล้วแนวกระดูกสันหลังเป็นเส้นตรงหรือไม่ เพื่อที่จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงที เพราะยิ่งหากว่าปล่อยไว้ การรักษาก็จะยิ่งยากขึ้นไปทบทวีคุณ

                สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ควรจะหมั่นสังเกตลูก ๆ เป็นประจำ เพราะโรคนี้เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก การรักษาอย่างรวดเร็วและทันท่วงทีก็จะเจ็บปวดน้อยกว่านั่นเอง