สวัสดีค่ะ วันนี้หมูน้อยจะขอมาเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หมูน้อยได้มีโอกาสไปแวะเวียนมาเมื่อปลายปีที่แล้วนั่นก็คือวนอุทยาน ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนค่ะ
โดยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน มีเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่
หมูน้อยรู้จักสถานที่แห่งนี้จากเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน – 10 กรกฎาคม ปี 2561 ที่มีสมาชิกทีมฟุตบอลเยาวชนในท้องถิ่น 12 คน และผู้ช่วยผู้ฝึกสอน 1 คน (เรียกกันว่า 13 หมูป่า ซึ่งมาจากชื่อทีมของน้อง ๆ ค่ะ) ได้เข้าไปสำรวจและหายตัวไปในถ้ำหลวง และไม่สามารถกลับออกมาได้ จนกระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวงได้ในที่สุด
หมูน้อยจึงอยากตามรอยน้อง ๆ 13 หมูป่าไปเที่ยวถ้ำหลวงดูบ้าง แต่ไม่ได้เข้าไปในถ้ำนะคะ แค่แวะเวียนไปชมสถานที่สวยงามแห่งนี้เท่านั้นค่ะ
วันที่หมูน้อยเดินทางไปคือ 30 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งเป็นวันที่เชียงรายมีอากาศหนาวเย็นสบายมาก ๆ ค่ะ อุณหภูมิตอนเช้าคือ 16-17 องศาเลย หมูน้อยจอดรถตรงตีนเขา แล้วเดินขึ้นไปที่ถ้ำหลวงค่ะ โดยตามข้างทางก็จะมีร้านขายของ มีร้านถ่ายรูปวางเรียงรายตลอดทาง
พอไปถึงถ้ำหลวงเราจะเข้าไปได้แค่บริเวณโถงถ้ำส่วนหน้าเท่านั้น นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าไปถึงด้านในได้ค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าสภาพถ้ำค่อนข้างชื้น เพราะพึ่งผ่านหน้าฝนมา และจากเหตุการณ์ปฏิการค้นหาและกู้ภัยในปี 2561 ทำให้สภาพถ้ำค่อนข้างเสียหาย ทางวนอุทยานจึงปิดถ้ำ เพื่อทำการฟื้นฟูและอนุรักษ์ต่อไปค่ะ
หมูน้อยขอบอกว่านักท่องเที่ยวล้นหลามมาก ๆ เลยนะคะ ไม่แนะนำให้ไปช่วงวันหยุดค่ะ
ถัดจากถ้ำไป ก็จะมีอาคารจัดแสดงรูปภาพเกี่ยวกับถ้ำหลวง และนิทรรศการเกี่ยวกับการปฏิการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือ 13 หมูป่า ที่ได้รับความร่วมมือจากทั้งหน่วยงานในไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ก็มีรูปปั้นจ่าแซม (นาวาตรี สมาน กุนัน) อดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือ หน่วยซีล รุ่น 30 ซึ่งเสียชีวิตในถ้ำหลวงฯ ขณะปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ 13 ด้วยค่ะ
สำหรับใครที่สนใจเดินทางไปนะคะ สามารถเข้าไปชมได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และจะมีจุดจอดรถบริการอยู่ดานล่างตีนเขา แต่นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้าไปเดินในถ้ำได้ค่ะ ถือว่าเป็นสถานที่ที่มีธรรมชาติสวยงามมาก ๆ และไม่ควรพลาดที่จะแวะเวียนไปชมค่ะ
