สิ่งแรกที่อยากทำหลังจากโควิดหายคือไปกินหมูกระทะและสุกี้ชาบู นี่คือสิ่งที่พวกเราใฝ่ฝันกันหลังจากการกะตัวอยู่บ้านนานถึง 2 เดือน และตอนนี้รัฐบาลมีการผ่อนคลายล็อกดาวน์มาตรการให้ร้านอาหารสามารถเปิดบริการได้ แต่ต้องมีระยะห่าง 2 เมตร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัญหากับร้านอาหารประเภทชาบู สุกี้ หรือหมูกระทะ เพราะโดยปกติอาหารประเภทนี้นิยมทานกันระหว่างเพื่อนฝูง หรือครอบครัว มากกว่าที่จะทานคนเดียว
ร้านหมูกระทะและสุกี้ชาบู ที่เราเคยเห็นเมื่อก่อน ก่อนที่จะมีโควิดมา ส่วนใหญ่คนมักไปกินกับแฟน เพื่อน หรือไปกับครอบครัว เพื่อสร้างความสัมพันธ์กันเวลารับประทาน จะเมาท์มอยไปตามประสาเพื่อนฝูงหรือจะกินกับแฟน นี่คือมิติใหม่ของการกินหมูกระทะและสุกี้ชาบู ชีวิตต่อจากนี้เราได้เปลี่ยนไป จากที่ต้องแออัด แย่งชิงกันต่อคิวกันยาวเหยียดกว่าจะได้คิวกัน สีสันในการกินหมูกระทะและสุกี้ชาบูก็หายไป
ถามว่าเจ้าของร้านอาหาร หมูกระทะและสุกี้ชาบู จะชอบไหม? เพราะไม่คุ้มทุนหากนั่งได้โต๊ะละ 1 คนกับระยะห่าง 2 เมตร และชาบู 1 หม้อ กินได้คนเดียวเท่านั้น หันหน้าไปทางเดียวกัน บางร้านถึงกับไม่เปิดเพราะเปิดไปก็ไม่คุ้มทุนที่จะเปิดรับลูกค้า เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่มานั่งรับประทานหมูกระทะจะมานั่งรับประทานกันแบบเป็นกลุ่มก้อน แต่บางร้านเปิดเพราะว่ามีรายได้เข้าดีกว่าไม่มีรายได้เข้า ขึ้นอยู่กับแต่ร้านวิเคราะห์ต้นทุนกัน
ในเรื่องการผ่อนปรนตามมาตรการดังกล่าวถือเป็นเรื่องดีเนื่องจากสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโรคควิด-19ได้ เพื่อให้ร้านอาหารอย่างร้านหมูกระทะและสุกี้ชาบูเปิดให้คนมานั่งรับประทานในร้านระยะห่างกัน 2 เมตร นั้นย่อมไม่คุ้ม แต่ถ้าคนไม่อยากทานที่ร้านก็จะมีดิลิเวอรี่ไปส่งที่บ้านได้เหมือนกัน
ที่นี่เราก็มานั่งสงสัยกันว่า เรานั่งรถมากับแฟน เพื่อน หรือครอบครัวในรถคันเดียวกัน แต่เวลาทานอาหารเราแยกโต๊ะกัน พอทานเสร็จ เราก็กลับบ้านก็ต้องนั่งรถคันเดียวกัน ไปใช้ชีวิตด้วยกันที่บ้านอีก ทุกคนอาจจะคิดว่า ก็โควิดจะติดตอนนี้ที่คุณทานอาหารนั่นแหละ เวลาพูดคุยกันนั่นแหละ
ร้านหมูกระทะและสุกี้ชาบู เขาเรียกว่า ความรับผิดชอบส่วนของร้านนั่งคนโต๊ะ ห่างกัน 2 เมตร ภายหลังจากที่ทานที่ร้านเค้าเสร็จแล้วปรากฏว่า คุณหรือแฟนคนใดคนหนึ่ง (หรือทั้งคู่) ติดโควิดมา คุณจะสมอ้างกับทางร้านไม่ได้ เพราะร้านสร้างสภาวะไว้อย่างนี้ ร้านไม่ต้องรับผิดชอบคุณ เพราะคุณอาจจะติดมาจากที่อื่นตามมาตรการที่รัฐบาลได้แจ้งไว้